สำคัญจริงๆ ตื่นตอนไหน นอนเวลาไหน ตอนไหนควรทำอะไร

0

สำคัญจริงๆ ตื่นตอนไหน นอนเวลาไหน ตอนไหนควรทำอะไร

ในบางครั้งการกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ มันยังไม่เพียงพอ เพราะบางคนนั้นยังเข้านอนไม่ถูกเวลา บางคนยังไม่รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร และเวลาไหนไม่ควรที่จะทำอะไร

หลายคนคงเคยได้ยินกับคำว่า “นาฬิกาชีวิต” แต่รู้หรือไม่ว่ากระบวนการทำงานต่างๆในร่างกายของเรานั้นถูกกำหนดด้วยเวลา อวัยวะทุกส่วนของร่างกายต้องทำงานตามเวลาของมัน ซึ่งจะถูกธรรมชาติกำหนดเอาไว้

เมื่อก่อนมนุษย์ของเรามันไม่มีนาฬิกาบอกเวลา สิ่งที่ทำให้ร่างกายเรารับรู้นั่นก็คือแสงอาทิตย์นั่นเอง ดวงอาทิตย์ขึ้นดวงอาทิตย์ตก ช่วยปรับให้ร่างกายทำงานเป็นระบบ เราต้องตื่นในเวลากลางวันและเข้านอนในเวลากลางคืน ซึ่งธรรมชาติกำหนดมาแบบนี้ แต่ในปัจจุบันนี้เรามีแสงจากหลอดไฟ ทำให้เวลาของเรานั้นผิดไปจากธรรมชาติอย่างมาก

แล้วเวลาไหนล่ะควรทำอะไรบ้าง

๐๑.๐๐ – ๐๓.๐๐ น. เราควรนอนหลับพักผ่อนให้สนิท เพราะช่วงนี้เป็นการทำงานของ “ตับ” ซึ่งถ้าหลับสนิท ตับจะหลั่งสารมีราโทนินเพื่อกำจัดเชื้ อ โ รค ในร่างกาย แต่ถ้าใครไม่ยอมนอน แถมยังใช้ร่างกายหนักๆ ด้วยการกิน ตับจะต้องทำงานหนักด้วยการหลั่งน้ำย่อยออกมา โดยไม่ได้ทำหน้าที่ขจัดสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย ส่งผลให้มีสิ่งที่ไม่ดีตกค้างมาก

๐๓.๐๐ – ๐๕.๐๐ น. คนที่อยากผิวสวย หน้าใสควรตื่นนอนเวลานี้เพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เพราะช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของ “ปอด” เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนได้เต็มที่

๐๕.๐๐ – ๐๗.๐๐ น. ฝึกการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นนิสัยในช่วงนี้ เพราะเป็นเวลาการทำงานของ “ลำไส้ใหญ่” ถ้าใครถ่ายไม่ออกลองทานกล้วย 1 ลูก แล้วตามด้วยน้ำอุ่นๆ สัก ๑ แก้วดู

๐๗.๐๐ – ๐๙.๐๐ น. นอกจากจะตื่นเช้ามาสูดอากาศและขับถ่ายให้เป็นเวลาแล้ว เราควรกินอาหารมื้อเช้าในช่วงเวลานี้เพื่อให้ร่างกายมีพลังงาน และช่วยให้ “กระเพาะอาหาร” แข็งแรง

๐๙.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. ช่วงเวลานี้ “ม้าม” จะทำงานได้ดีซึ่งหน้าที่ของม้ามคือควบคุมไขมัน สร้างน้ำเหลือง และ ควบคุมกระแสโลหิต ใครที่มานอนเอาช่วงนี้ม้านจะอ่อนแอได้นะคะ

๑๑.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. ช่วงนี้กรุณาหากิจกรรมที่ไม่เครียด ไม่ตื่นเต้นตกใจง่ายมาทำ เพราะเป็นช่วงที่ “หัวใจ” ต้องทำงานหนักถ้าใครทำงานเครียดๆ ลองผ่อนคลายอารมณ์ลง แล้วหันไปทำงานที่ไม่ต้องใช้หัวคิดให้มากนัก

๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. เวลานี้ควรละเว้นไม่กินอาหารทุกชนิด เพื่อให้ “ลำไส้เล็ก” ทำงานได้เต็มที่ ปกติแล้วลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดซึมอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วินามินบี ซี โปรตีน ซึ่งทำหน้าที่สร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง และ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

๑๕.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ถ้าบังเอิญวันไหนเลิกงานไวๆ เราสามารถเข้าฟิตเนส หรือไม่ก็ไปอบตัว หรือจะไปออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อให้เหงื่อออก เพราะเป็น เวลาการทำงานของ “กระเพาะปัสสาวะ” ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ ธัยรอยด์

๑๗.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. ใครชอบนั่งสัปหงกในเวลานี้อาจจะเป็นไปได้ว่า “ไต” ทำงานไม่ดี เพราะช่วงนี้ เป็นเวลาของไต ซึ่งคนทำงานควรทำจิตใจให้แจ่มใสอย่าเครียด คนที่เป็นโรคไตจะเป็นหวัดง่าย แถมยังปวดหลัง มีเสลดในคอ ฯลฯ ฉะนั้นควรหมั่นดูแลตัวเองด้วยการอาบน้ำเย็นในตอนเช้า และ อาบน้ำอุ่นในตอนเย็น

๑๙.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ช่วงเวลานี้ไปกับการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ เพราะเป็นเวลาของ “เยื่อหุ้มหัวใจ” คนไหนดูแลตัวเองไม่ดีในช่วงนี้มีสิทธิ์เสี่ยงเป็นโรคหัวใจโต หัวใจรั่ว ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเจอกับเรื่องตื่นเต้น ตกใจ หรือดีใจสุดขีด

๒๑.๐๐ – ๒๓.๐๐ น. ใครที่ทำงานมาเพิ่งกลับถึงบ้านในเวลานี้ อย่าเพิ่งกระโจนเข้าห้องน้ำอาบน้ำในทันที เพราะ เวลานี้ร่างกายต้องการความอบอุ่น ฉะนั้นไม่ควรอาบน้ำเย็น ถ้าต้องอาบให้อาบน้ำอุ่น อย่าไปยืนตากลมนอกบ้าน เพราะจะป่วยได้ง่ายมาก

๒๓.๐๐ – ๐๑.๐๐ น. ช่วงนี้เป็นเวลาของ “ถุงน้ำดี” ซึ่งทำหน้าที่เป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ ถ้าร่างกายขาดน้ำ อวัยวะในร่างกายจะไปดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น ส่งผลให้เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ หรือสะดุ้งตื่นกลางดึก

หากเพื่อนๆท่านใดกำลังมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพแต่ยังหาสาเหตุไม่ได้ บางครั้งการที่เราทำอะไรผิดจากนาฬิกาชีวิตของเราไป นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้เกิดโรคตามมาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ ยังไงก็แล้วแต่เรานำไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันดู เริ่มรักษาตั้งแต่สุขภาพดีในตอนนี้ ดีกว่าไปรักษาในวันที่ไม่มีโอกาส

เรียบเรียงโดย : Postsara

ขอขอบคุณ : The-Devil-lek , infographic

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here