10 ข้อ ทำไมคุณถึงไม่ควร “แคร์ความคิดของคนอื่น” จนเกินไป

0

10 ข้อ ทำไมคุณถึงไม่ควร “แคร์ความคิดของคนอื่น” จนเกินไป

การใช้ชีวิตของคนเราทุกๆคนนั้นสิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจนั่นคือ “การยอมรับ” การยอมรับเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราก้าวข้ามปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในชีวิต แต่อย่างไรก็ตามทุกปัญหามักมีความกังวล ซึ่งอาจทำให้ตัวคุณรู้สึกมีความไม่สบายใจกับตัวเองและกับคนอื่น เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรปล่อยให้ปัญหาเหล่านั้นมากันความคิดและความก้าวหน้าในชีวิตของตัวคุณ และนี่เป็นเหตุผล 10 ข้อว่าทำไมตัวคุณถึงไม่ควรสนใจและใส่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด

1 ชีวิตของคุณไม่ใช่ธุระของคนอื่น

จริงแท้แน่นอนว่าคนอื่นมีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ และตัวคุณเองก็เช่นเดียวกัน ความคิดคนอื่นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนแม้กระทั่งคุณค่าในตัวคุณได้ เว้นแต่ว่าตัวคุณจะยอมให้พวกเขาทำ ท้ายสุดแล้วตัวคุณเป็นคนที่เลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวคุณเอง

2 เขาไม่รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ

ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การที่เราได้เรียนรู้เองได้เลือกเองได้ตัดสินใจเอง นั่นคือสิ่งที่ตัวคุณลงมือทำและพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา หากล้มเหลวอย่างน้อยคุณก็ได้เรียนรู้และได้รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น แทนที่จะไปนั่งโทษคนอื่นว่าเป็นเพราะใคร

3 สิ่งที่ใช่สำหรับคนอื่น อาจจะไม่ใช่สำหรับตัวคุณ

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าความคิดเห็นของคนเรามักจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ทำนั่นแหละ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่นก็อาจเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับคุณ และสิ่งที่คนอื่นมองว่าไร้ค่าก็อาจเป็นสิ่งมีค่า สำหรับอีกคนได้ เราทุกคนล้วนมีคุณค่าและเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงมีแค่เราเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเราที่สุด

4 การกังวลสิ่งที่คนอื่นคิด

หากคุณเป็นกังวลอยู่ตลอดเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด คุณจะไม่มีทางที่จะไปถึงที่ที่คุณฝันไว้ได้เลย บางครั้งคุณก็ต้องทำในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นด้วย หรือต้องเอาชื่อเสี่ยงของตนไปเสี่ยง เพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ

5 ผลลัพธ์เกิดกับตัวคุณ ไม่ใช่คนอื่น

คุณเป็นคนที่ต้องรับผลจากการกระทำและการตัดสินใจของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนแนะนำให้คุณซื้อหุ้น แต่แล้วหุ้นดันตกจนคุณขาดทุนมหาศาล คุณนี่แหละที่ต้องอยู่กับความเสียดาย ไม่ใช่ใครอื่น จงจำไว้ว่าเมื่อมีคนแนะนำหรือสั่งอะไรคุณ ไม่ใช่พวกเขาหรอกที่ต้องแบกรับความเสี่ยง แต่เป็นคุณเองต่างหาก

6 ความคิดของผู้คนเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ

คนเราเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา นักปรัชญาและนักทฤษฎีบางคนเสนอว่า คนเราอยู่ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา จนไม่สามารถมี ‘ตัวตน’ ที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้น ความคิดและมุมมองของคนจึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นั่นหมายความว่าแม้ว่าตอนนี้บางคนจะไม่ชอบคุณ แต่ไม่นานพวกเขาก็อาจจะเปลี่ยนความคิดไปก็ได้ เพราะงั้นความคิดของคนอื่นถึงไม่ค่อยสำคัญเท่ากับความคิดที่แน่วแน่ของคุณยังไงล่ะ

7 ชีวิตสั้นเกินกว่าที่จะเอาเวลามาใส่ใจเรื่องพวกนี้

คุณมีชีวิตเพียงครั้งเดียว ดังนั้นคุณต้องใช้มันให้คุ้มที่สุด ทำไมต้องไปกังวลเรื่องความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยล่ะจริงไหม ทำในสิ่งที่คุณคิดและตั้งใจไว้เถอะ เพราะหลังจากที่คุณประสบความสำเร็จ คุณก็อาจจะไม่ได้เห็นคนเหล่านี้มาพูดพึมพำให้ฟังอีกต่อไปแล้วก็ได้นะ

8 ทำอะไรไปก็ได้รับผลอย่างนั้น

การกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัวคุณ อาจจะทำให้เรื่องแย่ๆ กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ บ่อยครั้งที่คนส่วนใหญ่หลงทางเพียงเพราะแค่ต้องการไล่ตามการยอมรับจากคนอื่น ซึ่งบางคนก็กลายเป็นคนที่เอาใจคนอื่นมากเกินไป หรือไม่ก็หัวอ่อนจนทำให้คนมองว่าน่าเบื่อได้ ก็กลายเป็นว่าพฤติกรร มที่คุณทำเพื่อให้คนอื่นชอบใจนั้น กลับเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอื่นไม่ชอบคุณขึ้นมาได้เหมือนกัน

9 คนอื่นไม่ได้ใส่ใจคุณมากเท่าที่คุณคิดหรอก

ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ คนเราไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นมากขนาดนั้น พวกเขาสนใจสิ่งต่างๆ เพียงเพราะปัจจัยง่ายๆ แค่ว่ามันเกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือไม่ก็เท่านั้น ถ้าตัวตนหรือการกระทำของคุณไม่ได้ไปกระทบชีวิตคนอื่นเข้า พวกเขาก็แทบจะไม่สนใจคุณเลยแม้แต่น้อย

10 เป็นไปไม่ได้เลย ที่คุณจะทำให้ทุกคนพอใจ

คุณไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ตลอดเวลา และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตอบสนองต่อทุกความคาดหวังของทุกคน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอดทนฝืนทำอย่างนั้น เพราะคนแรกที่คุณควรจะทำให้พึงพอใจให้ได้มากที่สุดก็คือตัวคุณเองไงล่ะ

ความคิดของคนอื่นๆ อาจกลายเป็นภาระต่อคุณได้ เมื่อคุณหมกมุ่นกับมันจนเกินไป ซึ่งคุณอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่าตัวเองคิดอย่างไร ดังนั้น การได้ปลดปล่อยตัวเองจากความคิดคนอื่นนี่แหละที่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาฝึกฝนมากสักหน่อย แต่หากเมื่อไหร่ที่คุณทำได้สำเร็จล่ะก็ คุณจะได้เห็นโลกในมุมใหม่ ได้ค้นพบตัวตนของตัวเอง และเป็นอิสระอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : แม่ครูอู่ ชัญญา เศรษฐบุตร

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here