จากคู่จิ้น เป็นคู่รัก “ณเดชน์ ญาญ่า” มั่นคงขึ้น แอบวาดฝันถึง วันแต่งงานแล้ว

0

จากคู่จิ้น เป็นคู่รัก “ณเดชน์ ญาญ่า” มั่นคงขึ้น แอบวาดฝันถึง วันแต่งงานแล้ว

ณเดชน์ คูกิมิยะ เผยความรัก ญาญ่า อุรัสยา ไม่ได้โชว์หวานกันมาก แต่ทำเป็นเรื่องปกติไปแล้ว รับว่ามันคงกว่าเดิม หลังได้พูดคุยและได้ปรับทัศนวิสัยของกันและกัน มีแฟนวาดฝันถึงวันวิวาห์และมีลูกในอนาคต

เป็นคู่จิ้นในปี พ.ศ นี้จริงๆ จากคู่จิ้นกลายเป็นคู่รัก ยิ่งทำให้คนที่ติดตามนั้นปลาบปลื้มกันไปด้วย สำหรับคู่ของพระเอกหนุ่มณเดชน์ คูกิมิยะ และนางเอกหน้าหวานหน้าสวย ญาญ่า อุรัสยา

ที่ตอนนี้กำลังเปิดเรื่องความรักให้กับคุณแฟนได้ติดตามกันมากขึ้น แถมยังมีโมเม้นหวานๆให้ได้ฟินกันอยู่ตลอดเวลา แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่าความรักเหมือนว่าจะสะดุด แต่พอได้เคลียร์กันก็จะทำให้ความรักหวานกันมากกว่าเดิม เพิ่มเติมอีกนิดในเรื่องของความมั่นคง จนทำให้แฟนคลับอดลุ้นไม่ได้ว่า วันวิวาห์ของเขาทั้งคู่นั้นจะเป็นวันไหนดี

ทางด้านล่าสุด หนุ่มณเดช ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวนี้ว่า เรื่องความสัมพันธ์ของตน จะพยายามทำทุกอย่างให้สม่ำเสมอ เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำอะไรได้ก็จะทำไปเลย จะทำวันนั้นให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาอาจมีหลงลืมกันไปบ้าง แต่พอได้ปรับความคิด ปรับอะไรให้ตรงกันใหม่ๆ เวลามองกลับไปเป็นความผิดพลาด ที่เสียทั้งเวลาและจิตใจ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียว

ส่วนที่หลายคนมองว่าตอนนี้หวานกันมาก ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้หวานมาก แต่อาจเพราะไม่เคยเห็นกันมากกว่าเลยรู้สึกพิเศษ จริง ๆ เราหวานกันในระดับหนึ่ง มีทำเซอร์ไพรส์ให้บ่อย มีรายละเอียดเยอะ แต่ก็มีความเป็นผู้ชายอยู่ ถ้าใครมีแฟนคงเข้าใจ ผู้ชายคือผู้ชาย คิดน้อย ไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกอีกฝ่าย ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ผู้หญิงคิด

แต่ระหว่างทางเราก็โตขึ้นเรื่อย ๆ ได้เรียนรู้ความต้องการอีกฝ่าย จนตกผลึกแล้วว่าเราต้องเข้าอกเข้าใจกันและกัน รู้แล้วว่าเขาชอบอะไร อยากมีความสัมพันธ์แบบไหน ซึ่งพอปรับกันแล้วทุกอย่างก็โอเค ถ้าให้ระบุความสัมพันธ์ของเราเป็นสี คงเป็นสีรุ้ง เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์แต่ละวัน มีสีสัน และมั่นคงกว่าที่ผ่านมา

งานนี้ หนุ่มณเดชน์ ยังได้เผยถึงเรื่องอนาคตของทั้งคู่ด้วยว่า ตนมีความฝันเยอะ และถึงขั้นคิดแล้วว่าอายุเท่านี้ เงินที่มีทั้งหมดจะบริหารยังไง

ตนมองว่าการแต่งงานเป็นแค่ลายลักษณ์อักษร ทุกคู่อยากมีงานแต่งงานที่สวยงาม อยากได้งานแต่งแบบไหน อยากมีลูกกี่คน คิดได้ ฝันได้ แต่ต้องเอาตัวเองออกมา เพราะไม่อย่างนั้นเราจะยึดติด และต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจ ด้วยการให้กำลังใจกัน

สำหรับเรื่องหลังแต่งงานเรามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น รู้จักนิสัยกันมากขึ้น ก็ต้องยึดตรงนี้เป็นหลักด้วย ถ้ามีลูกต่อให้มีพี่เลี้ยง เราก็ต้องมีเวลาให้ลูกเต็มที่

เราต้องดูแลลูกของเราเพราะนั่นคือหน้าที่ ไม่อยากเป็นพ่อแม่ที่ให้คนอื่นเลี้ยงลูกเรา ถ้าเลือกที่จะมีลูกก็ต้องมีเวลาให้เขา ถ้าทำตรงนี้ไม่ได้ก็ไม่มี ตนไม่ได้กลัวเลยว่าถ้าแต่งงานหรือมีลูกแล้วงานจะน้อยลงหรือภาพลักษณ์จะเป็นยังไง ตนรู้สึกว่าเราไม่ควรเสียดายอะไรที่ไม่ใช่คุณค่าจริง ๆ ของชีวิต

ขอขอบคุณ : kapook

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here