ใครเป็นมีวิธีแก้ ด้วยกระชายกับมะขามเปียก

0

ใครเป็นมีวิธีแก้ ด้วยกระชายกับมะขามเปียก

ปัญหาในการขับถ่ายที่ทุกคนมักเจอ คือ ปัญหาท้องผูก จะมีอาการขับถ่ายยาก นั่งในห้องน้ำเป็นเวลานาน ปวดเกร็งท้อง อาการเหล่านี้เป็นอาการที่นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆได้

ริ ด สี ด ว ง ท ว า ร คือ การที่เส้นโลหิตดำ รอบๆทวารหนักเกิดการโป่งพองขึ้นทำให้เกิดอาการขึ้น ซึ่งอาการเริ่มต้นจะมีตั้งแต่คันที่ปากทวารหนัก จนไปถึงเจ็บทวารหนักเวลาขับถ่าย หรือบางทีมีโลหิตปนมากับการขับถ่าย

ลักษณะเป็นโลหิตสดๆหลังการขับถ่าย จะว่าไปอาการค่อนข้างน่าตกใจน่ากลัวนะคะ ใครที่เคยเป็นคงทราบถึงความเจ็บปวดทุกทรมานกันดี สาเหตุที่เป็นนั้นส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับถ่าย หรืออาการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้ต้องใช้กำลังในการเบ่งมาก จึงทำให้เส้นโลหิตดำบริเวณทวารหนักเกิดการโป่งพองจนกลายมาเป็นโรค ริ ด สี ด ว ง ในที่สุด

สมุนไพรไทยที่จะแก้อาการก็มากมายหลายสูตร และหลายชนิด อยู่ที่ว่าสูตรไหนชนิดไหนใช้รักษาอาการที่เป็นมากหรือเป็นน้อยแตกต่างกันไป ซึ่ง“กระชาย–มะขามเปียก” เป็นสูตรรักษาอาการที่เพิ่งจะเริ่มเป็นใหม่ๆ ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง และไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารู้จักสมุนไพรชนิดนี้กันเลยค่ะ

กระชาย หรือ BOESENBERGIA ROTUNDA (LINN) MANSF. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE เหง้าและราก มีน้ำมันหอมระเหย CINEOL BORNEOL ใช้แต่งกลิ่นอาหาร แก้บิด แก้โรคในปาก เช่น ปากเปื่อย ปากแตกระแหง “กระโปกกระชาย” ต้มรวมกับ หญ้าขัดมอญ ดื่มต่างน้ำชาบำรุงโลหิต

มะขาม เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดจากทวีปแอฟริกา แต่เข้าสู่ประเทศไทยมานานกว่า 700 ปี กระทั่งมีความเชื่อของคนไทยมาแต่โบราณว่าปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตกของบ้านจะช่วยให้มีแต่คนเกรงขาม เราสามารถจำแนกมะขามออกเป็นมะขามเปรี้ยวและมะขามหวาน พันธุ์มะขามหวานที่นิยมกินฝักสด เช่น พันธุ์สีทอง น้ำผึ้ง ขันตี หมื่นจง ส่วนมะขามเปรี้ยวมักนำไปทำมะขามเปียก สามารถเก็บไว้ได้นาน ใช้ปรุงอาหารให้รสเปรี้ยวกลมกล่อม

ยอดอ่อนมะขามให้รสเปรี้ยว นิยมนำไปปรุงอาหาร มีวิตามินซีสูงกว่าส่วนอื่น ๆ ช่วยปกป้องตาจากสารอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุให้เลนส์ตาขุ่นมัว และช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคสูงขึ้น เนื้อมะขามมีกรดอินทรีย์อย่างกรดทาร์ทาริกและกรดซิตริก ซึ่งมีฤทธิ์ระบายและลดความร้อนของร่างกาย ใครมีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ ให้ลองกินมะขามสุกสัก 3-4 ฝัก แล้วดื่มน้ำอุ่นตามเยอะ ๆ รับรองเห็นผล แถมยีงช่วยขับเสมหะและลดอาการไอด้วย แคลเซียมนั้นมีมากที่ในฝักอ่อนและมีปริมาณรองลงมาในมะขามเปียกและยอดอ่อน ส่วนมะขามสุกจัดจนเป็นมะขามเปียกนั้นจะมีเส้นใยอาหารสูง

สรรพคุณที่มีมาแต่โบราณของมะขาม เช่น เนื้อในฝักแก่แก้อาการท้องผูก แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยในการขับถ่าย เนื้อมะขามเปียกข้น ๆ ผสมเกลือ กินขับโลหิตที่ตกค้างของหญิงหลังคลอด เมล็ดแก่คั่วสุกกะเทาะเปลือก แช่น้ำเกลือให้พอง กินเป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนหรือบดเป็นผงละลายน้ำ ปิดแผลในคนเป็นโรคเบาหวาน ใบแก่เป็นการรักษาอาการแก้ไอ ขับเสมหะ ขับโลหิตและขับลมในลำไส้ แก้โรคบิด เปลือกต้นต้มน้ำดื่มเป็นแก้ท้องเดิน หรือใช้อมแก้เหงือกบวม แก้ฟันผุ

วิธีการรักษา

1. นำกระชายสด กับมะขามเปียก อย่างละ 50 กรัม เกลือป่น 10 กรัม

2. จากนั้นนำไปต้มน้ำ 1 ลิตร ต้มจนเดือด ดื่มก่อนนอน ครั้งละ 3 ส่วน 4 แก้ว

3. ควรดื่มทุกวัน อาการจะค่อยๆหายแบะดีขึ้น

เมื่อหายแล้วอาจกลับมาเป็นได้อีก วิธีที่จะช่วยได้คือทานอาหารพวกผักผลไม้ อาหารที่มีไฟเบอร์สูง ดื่มน้ำมากๆ ขับถ่ายให้เป็นเวลา เวลาท้องผูกก็พยายามอย่าฝืนเบ่งนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : updatesara.com

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here