9 วิธีหยุดอาการปวดหัว แก้แบบตรงจุด เห็นผลชะงัด
คนส่วนใหญ่หลายๆคนชอบปวดศรีษะในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละตำแหน่งของอาการปวดศรีษะนั้นๆสามารถบ่งบอกโรคได้ มีวิธีแก้อยู่ 9 วิธี ไปดูกันเลยว่ามีอะไรกันบ้าง?
อาการปวดศรีษะมักเป็นกันได้ง่ายๆและบ่อยครั้ง ถ้าเมื่อไหร่ที่เราทำงานหนักๆและไม่ได้พักผ่อนอย่างเดียงพอละก็รับรองได้เลยว่า อาการปวดศรีษะจะมาแน่นอน ยิ่งถ้าเราเกิดมีความเครียด และยังมีการพักผ่อนน้อยร่วมด้วย อาการปวดหัวจะเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น วันนี้เรามีวิธีหยุดความทรมานจากอาการปวดศรีษะ ด้วย 9 วิธีต่อไปนี้
1. ออกกำลังกายในตอนเช้าเวลา 6 โมง
เมื่อตื่นนอนทุกเช้าการออกกำลังกายหลังจากตื่นนอน นอกจากช่วยเรื่องร่างกายแข็งแรง ช่วยในเรื่องรูปร่างที่ดีสวยงาม และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งยังจะช่วยป้องกันและลดอาการปวดศรีษะลง ด้วยการศึกษาจากอาสาสมัครอเมริกันพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป จะมีอาการที่จะปวดหัวอย่างรุนแรงมากกว่าผู้หญิงที่มีดัชมีมวลกายที่ต่ำกว่า
2. การดื่มกาแฟในเวลา 9 โมง
เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าเริ่มอาการปวดหัว การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอื่น อย่างเช่นกาแฟหรือชา จะสามารถช่วยลดปัญหาของอาการปวดศรีษะได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดอาการปวดศรีษะ ได้กล่าวว่าดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยคุณลดอาการปวดศรีษะลงได้ซึ่งมีรายหนึ่ง ได้หยุดดื่มที่มีสารคาเฟอีนแบบกระทันหัน รายนั้นจะมีอาการปวดศีรษะขึ้น นั้นก็หมายความว่าคาเฟอีนที่มีอยู่ในส่วนผสมสามารถช่วยลดและบรรเทาอาการปวดศรีษะได้จริง
3. บรรเทาอาการปวดเมื้อยต้นคอ เวลา 11.45 น.
คนที่ทำงานในออฟฟิศส่วนใหญ่ เมื่อได้ทำงานในเวลานานๆจะมีอาการเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเมื่อไหร่ที่ได้นั่งหน้าคอมแล้วจะมีอาการปวดเมื่อยบริเวณต้นคอเป็นพิเศษ คุณควรบริหารกล้ามเนื้อโดยการเอียงศรีษะไปทางด้านไหล่ซ้ายและไหล่ขวาอย่างช้าๆทีละข้าง และมองไปด้านบนศรีษะแล้วกลับมาทางด้านล่างประมาณสี่ถึงห้าครั้ง และหาโอกาสทำบ่อยๆเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ
4. คลายเครียดด้วยแสงสว่าง เวลา บ่ายโมง
แสงสว่างในออฟฟิศมีผลต่ออาการปวดศีรษะโดยเฉพาะแสงสว่างจากหลอดไฟ เมื่อไหร่ที่คุณปรับแสงสว่างไม่เพียงพอคุณจะมีอาการปวดศรีษะได้ และที่สำคัญคุณควรปรับแสงให้เหมาะสม นอกจากจะลดอาการปวดศีรษะได้แล้วยังสามารถถนอมสายตาได้อีกด้วย และเมื่อไหร่ที่คุณมีเวลาว่างคุณควรเดินออกไปสูดอากาศภายนอกบ้างเพื่อพักสายตาจากความเหนื่อยล้า
5. จัดโต้ะทำงานให้เรียบร้อยลดอาการปวดศรีษะ เวลา บ่าย 3 โมง
โต้ะทำงานที่ดีจะช่วยลดอาการปวดศรีษะได้ คุณควารจัดโต้ะให้เรียบร้อยสะดวกต่อการใช้งานและโต้ะทำงานควรอยู่ในระดับอกซึ่งจะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าระดับเอว เมื่อไหร่ที่โต้ะทำงานอยู่ต่ำแล้วละก็คุณจะต้องโน้มตัวลงไปด้านหน้าทำให้เกิดอาการปวดศรีษะอย่างแน่นอน
6. รับประทานอาหารว่างที่มีประโยชน์ ในเวลา 4 โมงเย็น
เมื่อไหร่ที่คุณมีอาการปวดศรีษะให้คุณรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารที่มีการปรุงแต่งอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยลดน้ำตาลในโลหิต เพราะช่วยลดอาการปวดศรีษะลงได้แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรับประทานอาหารที่มีผงชูรสมากมีการปรุงแต่งอาหารจำพวกนี้จะเป็นตัวกระตุ้นอาการปวดศรีษะ
7. วิตามินที่ดีจะช่วยลดอาการปวดศรีษะได้ในเวลา 2 ทุ่ม
การรับประทานอาหารเสริมจะช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดศรีษะข้างเดียวได้ หรือไมเกรนได้อย่างมาก นักวิจัยกล่าวว่า การรับประทานวิตามินจะช่วยลดอาการ ซึ่งมีกรดอมิโนที่มีผลต่อการอุดตันของหลอดโลหิตในสมอง
8. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย ในเวลา 3 ทุ่ม
ทุกๆคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าการดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสม เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ และจะมีอาการปวดศรีษะในวันรุ่งขึ้นจากอาการเมาค้าง ภาวะร่างกายขาดน้ำเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดศรีษะ ดังนั้นเราควรรับประทานน้ำที่สะอาดและเพียงพอต่อร่างกาย
9. พักผ่อนให้เพียงพอ เวลา 5 ทุ่ม
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยป้องกันปัญหาการปวดศรีษะได้โดยเฉพาะการปวดศรีษะเรื้อรัง เพราะการที่เราได้นอนหลับครบ 8 ชั่วโมง มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปวดศรีษะ ดังนั้นควรพักผ่อนให้เพียงพอ และนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการปวดศรีษะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Club คนรักสุขภาพ
เรียบเรียง : postsara