บ้านใครเลี้ยงดูไว้ ความจริง 18 ข้อเกี่ยวกับเห็บ
ในปัจจุบันนี้คนบ้านเรานั้นได้ให้ความใส่ใจกับสัตว์เลี้ยงกันเป็นอย่างมาก และความที่เป็นคนชอบสงสารสัตว์เลี้ยงที่อยู่ตามข้างถนน ก็มักจะเอามาเลี้ยงที่บ้าน แต่ถ้าหากว่าเรานำมาเลี้ยงและปล่อยละเลยไม่ดูแล อาจจะเป็นโทษต่อตัวเราได้นั่นก็คือ “เห็บ” ที่ติดมากับเจ้าสุนัขนั่นเอง ในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักให้มากขึ้น และวิธีการกำจัด เพราะถ้าหากปล่อยไว้มีอันตรายต่อร่างกายของคุณเอง
ความจริง 18 ข้อที่ควรรู้
1. เห็บสามารถดูดโลหิต จากพวกเดียวกันเองอีกด้วย
2. เห็บเป็นสัตว์ประเภทแมง ดังนั้นจัดอยู่ในประเภทเดียวกับพวก แมงมุมหรือแมงป่อง
3. บนโลกของเรานี้มีเห็บมากกว่า 850 สายพันธ์ พบได้มากที่สุดในสุนัขที่เราเลี้ยงในประเทศบ้านเราคือ Rhipicephalus sanguineus
4. เจ้าของและสัตว์เลี้ยงสามารถติดต่อโรคกันได้ จากการโดนเห็บกัดเพียงแค่ครั้งเดียว
5. เห็บนั้นสามารถแพร่โรคได้ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับอาการบวมแดง ปวดเมื่อย และเป็นไข้
6. เราไม่ควรใช้นิ้วดึงเห็บออก เพราะคุณอาจจะดึงตัวมันหลุดออกมาจากหัวที่ยังมีหัวฝังอยู่ในผิวหนัง
7. เห็บไม่สามารถบินและกระโดดได้ แต่พวกมันจะคลานช้าๆแทน
8. คุณสามารถซื้อสเปรย์เพอร์เมธริน สำหรับฉีดเสื้อผ้า ป้องกันไม่ให้เห็บหมัดมาเกาะได้
9. เห็บสามารถเจริญเติบโตได้ดีแม้แต่ช่วงในฤดูหนาว
10. ตัวเห็บนั้นสามารถฝังตัวได้เกือบทุกที ทั้งในตัวสัตว์เลี้ยงและภายในบ้านของเรา
11. ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณมีพฤติกรรมที่แปลกๆ หลังจากที่ออกไปนอกบ้าน เช่น มีอาการหายใจลำบาก เซื่องซึม อาการชัก แนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะมีโอกาสที่สูงมากที่มักจะเกิดจากเห็บ
12. เห็บแต่ละสายพันธุ์นั้นมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป โดยเห็บจะมีวิธีการดำรงชีวิตใน 4 ช่วงด้วยกันคือ ไข่ ตัวอ่อน วัยกระเตาะ และวัยผู้ใหญ่
13. คนส่วนมากมักจะจัดการเห็บด้วยการบี้ แต่ความจริงแล้วในตัวของเห็บนั้นมีไข่เต็มท้อง ถึงแม้ว่าไข่บางส่วนจะไม่ถูกทำลาย แต่มันก็สามารถฟักออกมาเป็นตัวอ่อนได้อีกมาก
14. เห็นเพศเมียจะทำการวางไข่โดยเฉพาะพื้นดิน และบริเวณที่เป็นซอกหรือเป็นมุมรอยต่อของบ้าน
15. เห็บตัวเมีย 1 ตัวจะวางไข่ได้ประมาณ 4,000 และใช้เวลาฟักเพียง 17 ถึง 30 วัน
16. ตัวอ่อนของเห็บ จะเคลื่อนที่ได้ว่องไวมาก ตัวอ่อนนี้จะขึ้นไปดูดกินโลหิตบนตัวสุนัขประมาณ 2 -3 วัน เมื่ออิ่มแล้วจะหล่นจากตัวสุนัข ไปหาที่ลอกคราบ กลายเป็น ตัวกลางวัย ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นและมี 8 ขา
17. ตัวกลางวัยนี้จะขึ้นดูดกินโลหิตบนตัวสุนัขอีก และจะหล่นลงสู่พื้น เมื่อกินอิ่มแล้วเช่นกัน จากนั้นจะทำการลอกคราบกลายเป็นตัวเต็มวัย ซึ่งจะต้องขึ้นบนตัวสุนัขอีกเพื่อดูดโลหิตและผสมพันธุ์ต่อไป วงจรชีวิตของเห็บชนิดนี้จะ สมบูรณ์ได้ในเวลา ประมาณ 45-50 วัน
18. การดูดกินโลหิตจำนวนมากจากเห็บจำนวนมากจะส่งผลให้สุนัขเเละสัตว์เลี้ยงเกิดภาวะโลหิตจาง
วิธีกำจัดเห็บหมัด กำจัดเห็บหมัดที่เข้ามาป่วนในบ้าน
ข้าวของระเกะระกะเป็นที่ซ่อนตัวชั้นดีของเจ้าเห็บหมัดตัวแสบ ดังนั้นหากอยากกำจัดเห็บหมัดที่เข้ามาป่วนในบ้าน ก็ต้องเคลียร์บ้านรกให้เนี้ยบ ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
– อย่าทิ้งเสื้อผ้ายังไม่ซักกองเรี่ยราดที่พื้น เพราะเห็บหมัดตัวแสบอาจเข้าไปซ่อนตัวอาศัยอยู่ได้
– ถ้าสงสัยว่าเห็บหมัดอาจซ่อนอยู่ในกองผ้าที่ยังไม่ซัก ให้โยนเสื้อผ้าเข้าเครื่อง แล้วซักด้วยระบบน้ำร้อนไปเลย
– ทำความสะอาดบ้านทั้งหลังตั้งแต่บนลงล่าง เช็ดตามตู้ โต๊ะ ใต้เตียง และใช้เครื่องดูดฝุ่นเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการดูดเจ้าเห็บหมัดให้เข้าไปอยู่ในถุงเก็บฝุ่น อย่าลืมนำไปทิ้งทันทีที่ดูดฝุ่นเสร็จด้วยล่ะ
– เมื่อกำจัดเห็บหมัดตามวิธีที่กล่าวมาแล้ว ให้โรยหรือพ่นผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดให้ทั่วบ้าน โดยเน้นบริเวณที่นอนของสัตว์เลี้ยง และอย่าลืมบริเวณใต้โต๊ะ ใต้เตียง พรม และผ้าม่านด้วย
เนรเทศเห็บหมัดที่สร้างอาณาจักรนอกบ้าน
เห็บหมัดกวนใจที่สร้างอาณาจักรอยู่นอกบ้าน ในไม่ช้าก็จะเดินทัพกันเข้ามาในบ้านแน่นอน ดังนั้นต้องใช้วิธีกำจัดพวกมันอย่างเฉียบขาด!
– เริ่มสำรวจพื้นที่ โดยจำไว้ว่าเห็บหมัดชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้น ดังนั้นจับตามองบริเวณเหล่านั้นให้ดี
– ตัดหญ้าที่ขึ้นสูง และเล็มต้นไม้ออกบ่อย ๆ โดยพยายามให้แดดส่องถึงทั่วพื้นที่ เพราะเห็บหมัดกลัวแสงแดดเป็นที่สุด
– หมั่นเก็บกวาดซากพืชและใบไม้ที่แห้งแล้วไปทิ้ง เพราะหลังจากไม่มีหญ้าขึ้นสูงให้อาศัย เห็บหมัดอาจเลือกย้ายไปหลบแดดในนั้นแทน
– ฉีดพ่นยากำจัดแมลงในบริเวณที่เห็บหมัดอาจอาศัยอยู่ โดยให้ทำในตอนมีแดดจะได้ผลเร็วขึ้น
เมื่อกำจัดเห็บหมัดตามวิธีที่แนะนำกันแล้ว อย่าลืมพาสัตว์เลี้ยงไปหาสัตวแพทย์ใกล้บ้าน เพื่อกำจัดเห็บหมัดให้หมดไป รวมถึงหาทางป้องกันไม่ให้กลับมาใหม่ และอย่าลืมตรวจตราร่างกายทุกครั้งที่ออกไปเดินป่า เพราะคุณก็อาจพาวายร้ายตัวจิ๋วนี้กลับมาได้เช่นกัน เพียงเท่านี้บ้านก็จะปลอดภัยไร้เห็บหมัดแล้วจ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก : liekrl, home.kapook