หากได้เป็นหัวหน้าคน ทิ้งอะไรทิ้งได้ แต่อย่าทิ้งลูกน้อง

0

หากได้เป็นหัวหน้าคน ทิ้งอะไรทิ้งได้ แต่อย่าทิ้งลูกน้อง

ข้อคิดเตือนใจสำหรับหลายๆท่าน ที่ในวันนี้เรามีมาส่งต่อให้กับทุกคน เรียกได้ว่าเป็นข้อคิดเตือนใจที่ดีที่หลายคนอาจจะละเลยกับสิ่งเหล่านี้ได้ หากคุณเป็นหัวหน้าคนเป็นนายคน สิ่งหนึ่งที่คุณควรทำคุณทิ้งอะไรก็ได้แต่คุณอย่าทิ้งลูกน้อง ต่อให้เขาทำงานแย่แค่ไหน หรือไม่ถูกใจในบางเรื่องก็ต้องพยายามช่วยเขาให้ถึงที่สุด

ลูกน้องเรานั้นมักมีหลายแบบหลายประเภทเช่น

ความรู้น้อยแต่พยายามมาก

ความรู้มากแต่พยายามน้อย

ความรู้น้อยแถมไม่พยายาม

ถ้าเป็นแบบที่ 1 เราต้องสอนให้เขาได้รู้ถึงความรู้ต่างๆที่เราสามารถจะสั่งสอนเขา ได้เป็นพี่เลี้ยงที่ดีให้กับเขา สอนให้เขามีความรู้ความสามารถรอบด้าน ประเมินผลงานและติดตามผลงานอย่างใกล้ชิด

ถ้าเป็นแบบที่ 2 ต้องเข้าไปคุยกับเขาทั้งในเรื่องของงาน ในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันของเขา เรื่องส่วนตัวของเขารวมไปถึงเรื่องอนาคตของเขาด้วยแพยายามที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาคิด แล้วค่อยชี้เป้าหมายชีวิตไปในทางที่เขาต้องการและหนทางที่ดีที่สุด

ถ้าเป็นแบบที่ 3 เราสามารถช่วยเขาได้เท่าที่เราช่วยได้ แล้วปล่อยให้เขาคิดเองทำตามสิ่งที่เขาต้องการถ้าเขาไม่สามารถปรับตัวเข้าหาสังคมคนที่จะลงโทษตัวเขาก็เป็นตัวเขาเองนั่นแหละ

ฝากไว้อีกนิด.. การดูนิสัยคนในสังคมการทำงาน

ถ้าเกิดเราเป็นหัวหน้าคนเป็นนายคนเราอยากที่จะรู้ว่าคนคนนั้นเป็นอย่างไร ให้ดูจากพฤติกรรมที่เขาทำกับหลายๆคนหรือทำกับผู้ใต้คับบัญชา ไม่ใช่รู้แค่ว่าเขาแสดงออกต่อผู้ที่สูงกว่า

“หลักการเลือกใช้คน” ที่ผู้นำต้องเข้าใจและใช้ให้เป็น

ปรัชญานั้นสอดแทรกความรู้และศาสตร์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อยู่มากมาย โดยเฉพาะหลักการในเรื่องของการบริหารคนที่มีประโยชน์สำหรับนักบริหารรุ่นใหม่ที่กำลังประสบปัญหา ในเรื่องของการใช้ลูกน้องทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เท่าใดนัก หลักการที่ว่านี้มีชื่อเรียกกันอย่างภาษาบ้านๆว่า “หลักการ เสือ ควาย และสุนัข”

สัตว์ทั้งสามอย่างนี้แค่เฉพาะศักยภาพทางกายก็มีความแตกต่างกันอยู่พอประมาณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสือที่มักจะมีนิสัยการออกล่าคนเดียว ควายที่มักจะเล็มกินหญ้าอย่างสงบและสุนัขที่มักจะประจบเลียหน้าเจ้านายอย่างสอพลอทุกครั้งที่มีโอกาส สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะบางอย่างของมนุษย์ทั้งสิ้น

– ถ้าคุณจะจ้าง “เสือ” คุณต้องมีพื้นที่ให้เค้า แล้วปล่อยให้เขาเรียนรู้ที่จะล่าเหยื่อมาให้ไม่ต้องมาบังคับบัญชาหรือมากำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆเพราะพวกเขาคือนักล่า

– ถ้าคุณจะจ้าง “ควาย” คุณต้องให้หญ้าเค้าให้พอ ต้องบังคับแล้วใช้ไถนาเพราะพวกเขาอืดแต่ก็ต้องจูง

– ถ้าคุณจะจ้าง “หมา” คุณต้องให้อาหาร ให้ความสนิทสนมแล้วใช้ในการเฝ้าบ้านใช้ให้เห่าเพราะพวกเขาไม่ความจงรักภักดีประจบประแจงจับผิดและชอบเลียปากนาย

คนไม่เข้าใจ จะใช้เสือเยี่ยงควาย จะใช้ควายเยี่ยงหมา จะใช้หมาเยี่ยงเสือ เสือไม่เลียปากนาย ไม่ประจบและไม่ไถนา ควายไม่เฝ้าบ้าน ไม่ล่าเหยื่อและไม่ประจบ หมาไม่ไถนา ไม่ล่าเหยื่อแต่ชอบเลียปากนาย

เสือ ส่วนมากเมื่อเติบโต มักจะเป็นนายคนหรือเจ้าของกิจการเพราะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง

ควาย ส่วนมากไม่เติบโตเพราะไม่คิดนอกกรอบและไม่สร้างสรรค์และมักถูกหมาดูหมิ่นและหลอกใช้

หมา ส่วนมากเติบโตในองค์กรแต่ไม่สามารถสร้างอาณาจักรของตัวเองได้ ต้องพึ่งเสือและควายในการเติบโต ที่กล่าวถึงนี้คือลักษณะนิสัยบางประการของสัตว์เหล่านี้ที่ตรงกันกับนิสัยของคนบางคนที่อยู่ในบริษัทต่างๆ แน่นอนว่าหากคุณสามารถใช้ประโยชน์บุคคลต่างๆ ดังเช่นที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติของมันและใช้งานสัตว์เหล่านี้ได้อย่างถูกต้องแน่นอนที่สุดว่ามันย่อมเกิดเป็นประโยชน์สูงสุดกับบริษัทอย่างเต็มที่

เสือที่ฉลาดและมองการณ์ไกลจะเอาควายไปด้วย แต่ถ้าเป็นเสือบ้าอำนาจมักจะเอาหมาไปด้วย ต้องเข้าใจและใช้ให้เป็น และคนแต่ละคนอาจจะเป็นสัตว์หลายๆอย่างเปลี่ยนไปตามเวลา สนามและเนื้องาน อ่านแล้วก็เห็นภาพทั่วๆไปในที่ทำงานทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นราชการ เอกชนหรืองานส่วนตัว จะเล็กจะใหญ่ในบ้าน ร้านค้าก็มีให้เห็นทั่วไป ถ้าเราเป็นเจ้านายหรือเจ้าของกิจการอยากได้คนแบบไหนมาไว้ทำงานให้เราหันไปทางไหนก็มีเขี้ยวเล็บ มีเขา แถมมีเราอีกด้วย จะทำงานกันไปได้อย่างไร แข้งขาก็มีหมาเลียแผล่บๆตลอด คงต้องไปฉีดยารอบสะดือบ่อยๆ

การใช้คนให้เหมาะสมกับธรรมชาติของพวกเขาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฉะนั้นการใช้คนเป็นจึงเป็นกุญแจอีกดอกหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ

ขอบคุณข้อมูลจาก : khaonaroo

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here