“ป้าแป๋ว” แบ็กแพ็กเกอร์ฉายเดี่ยว เที่ยวรอบโลกไม่แคร์อายุ “ป้าว่า..มันก็สีสัน”

0

“ป้าแป๋ว” แบ็กแพ็กเกอร์ฉายเดี่ยว เที่ยวรอบโลกไม่แคร์อายุ “ป้าว่า..มันก็สีสัน”

สำหรับเจ้าของเพจ ป้าแบ็กแพ็ก หรือ ป้าแป๋ว กาญจนา พันธุเตชะ อดีตข้าราชการ c9 พี่เป็นแบ็คแพ็คเกอร์หน้าใหม่ เมื่อให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวของตัวเอง

ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในช่วงชีวิตหลังเกษียณแล้ว ก็มีนักเดินทางเข้ามาชื่นชมผลงานกันอย่างล้นหลาม อีกทั้งเมื่อล่าสุดทางรายการคนค้นคน ก็ได้ติดตามชีวิตการเดินทางของป้าแป๋ว ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อที่จะเยี่ยมชมบันไดบานาเว ที่ถูกยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก

และทางป้าแป๋วได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อออนไลน์ เขาได้เปิดเผยประสบการณ์เกี่ยวกับการเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์ ที่วางแผนด้วยตัวของตัวเอง เดินทาง ท่องเที่ยว หาที่พักเอง เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุเตอร์ที่หลายคนชอบกันมากๆ

ป้าแป๋ว หรือ กาญจนา พันธุเตชะ เป็นอดีตข้าราชการที่ใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่ายจนมาถึงวัยเกษียณ ซึ่งในขณะที่คนส่วนใหญ่ในใบนี้เลือกที่จะใช้ชีวิตกันแบบเงียบๆง่ายๆ กับครอบครัวและหลานๆ แต่สำหรับป้าแป๋วแล้วนั้น กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เธอเลือกที่จะสะพายเป้ขึ้นมา และออกเดินทางท่องเที่ยว และในบางครั้งก็ผจญภัยด้วยตัวของป้าแป๋วคนเดียว

“มันเหมือนรถที่ขับมาเร็ว ช่วงทำงานเราเร่งความเร็วของตัวเองตลอด จนวันสุดท้ายที่เกษียณ ถ้าให้เราหยุดอยู่บ้านเฉยๆ ในทันที มันคงทำตัวลำบากเหมือนกัน”

“ถ้าป้าแป๋วไม่ไปไหน อยู่บ้านสบ๊ายสบาย ทานข้าวเช้า ดูข่าวไป แล้วก็จะหลับ ตื่นมากินข้าวกลางวัน แล้วก็ดูโทรทัศน์ต่อ ชีวิตก็จะมีอยู่แค่นี้ แต่พอเดินทาง ป้ารู้สึกว่าตัวเอง Alert นะ เหมือนชีวิตเรามีสีสัน รู้สึกได้ใช้สมอง ไปเที่ยวทีก็เหมือนออกกำลังกายไปในตัว เดินทั้งวัน เดินจนขาเมื่อยเลย (หัวเราะ)” ป้าแป๋วบอกกับเราอย่างอารมณ์ดี

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

ป้าแป๋วมีความคิดอยากไปเที่ยวยุโรปอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายช่วงหน้าหนาวมันถูกกว่าซีซันอื่นๆ เลยลองไปชวนเพื่อน แต่เพื่อนเราบางคนก็เคยไปมาแล้ว บางคนก็อยากไปที่อื่นมากกว่า ป้าแป๋วเลยกลับมาคิดว่าถ้ามัวแต่ต้องรอคนอื่นคงไม่ได้ไปไหนกันพอดี ถ้าอย่างนั้นไปคนเดียวเลยแล้วกัน

ป้าก็เคยไปเที่ยวกับทัวร์นะ แต่ป้าว่าเวลาไปแบบนั้น มันเป็นช่วงสั้นๆ ไม่ค่อยจุใจเรา เราไปที ก็อยากเที่ยวแบบยาวเลย ไม่ต้องไปเสียค่าเครื่องบินหลายรอบ อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหา พอไปคนเดียวแล้วมันรู้สึกว่าชอบมากกว่า ตั๋วเครื่องบิน ที่พักจะจองที่ไหนก็ได้ สะดวกกว่าค่ะ แล้วก็มีเวลาเที่ยวได้จุใจ แล้วก็ประหยัดด้วยนะ ถูกกว่าไปกับบริษัททัวร์

ป้าแป๋ว แบ็กแพ็กเกอร์ฮิปสเตอร์

ถ้าไม่ไปเอง เราก็ต้องรอคนนั้นคนนี้ แล้วที่ผ่านมาเห็นว่าทุกคนไม่ค่อยว่าง อย่างเก่งคนอื่นก็ไปกับเราได้แค่ 5 วัน แต่เราเองอยากอยู่ยาวกว่านั้น เราก็เลยต้องไปเองค่ะ (หัวเราะ) เพราะเราจะไปกี่วันก็ได้ เราไม่ต้องทำงานแล้ว จริงๆ อยากจะอยู่เที่ยวเป็นเดือนเลย แต่ว่าเราก็แอบห่วงที่บ้านด้วย ไปไม่นานเท่าไรก็ต้องกลับมาบ้านก่อน ค่อยว่ากันใหม่

คนบ้านเรามีนิสัยขี่กลัวนะ ไม่ค่อยกล้าเท่าไร แต่สำหรับเราจะลดความกลัวด้วยการเตรียมข้อมูลให้ดี คนในวัยนี้ไม่ควรปฏิเสธอินเทอร์เน็ต เราสามารถเสิร์ชหาอะไรได้มากมายในนั้น ป้าแป๋วว่ายิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร ยิ่งมีความมั่นใจในการเดินทางมากขึ้นเท่านั้น เพราะทุกที่ก็เป็นครั้งแรกของเราเสมอ

แรงบันดาลใจของผู้หญิงในวัย 60 ปี

คนที่เกษียณแล้วเอาแต่กินๆ นอนๆ อยู่กับบ้านเฉยๆ มันไม่เป็นผลดีต่อร่างกายและสมองเลย มันจะรู้สึกเหี่ยวเฉาและจำเจ สบายเกินไปคงไม่ดีกับผู้สูงอายุหรอกนะ

สำหรับตัวป้าแป๋วเองจะหาอะไรทำตลอดเวลา หลังทำงานบ้านเสร็จ ป้าแป๋วจะมาทำกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวของตัวเอง ตั้งแต่วางแผนว่าจะไปที่ไหน จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ดูว่าจะต้องขอวีซ่าไหม แต่ละเดือนของป้าแป๋วก็จะผ่านไปเร็วมาก และเวลาเดินทาง ป้าแป๋วมักจะรู้สึกว่าสมองได้ทำงาน ร่างกายก็ได้ออกกำลัง เพราะไปเที่ยวแต่ละครั้งต้องเดินเยอะมากจริงๆ เอาแค่ในสนามบินจะเดินไปเกตนี่ก็ตั้งไกลแล้ว (หัวเราะ)

ครั้งแรกที่ตัดสินใจแบ็กแพ็กเที่ยวคนเดียว กลัวไหม?

ไม่กลัวค่ะ ยิ่งครั้งแรกเราเที่ยวในเมืองบ้านเรายิ่งไม่กลัวเลยค่ะ เพราะเรารู้ว่าต้องพักที่ไหน อะไร อย่างไร คือยังไงคนบ้านเราก็ไม่หลอกกันอยู่แล้ว ภาษาก็คุยกันรู้เรื่อง เราเลือกให้ดีว่าที่พักที่ไหนปลอดภัย แค่นั้นเอง ก็มีบ้างเหมือนกัน เวลาเรานั่งมอเตอร์ไซค์ไปที่โรงแรมแล้วเขาพาไปผิด เราเห็นก็บอกว่าไม่ใช่ที่นี่ ก็ต้องพยายามสื่อสารกับคนรอบข้างเยอะๆ เราบอกอยากได้ที่พักที่มันปลอดภัย บางทีเขาก็ช่วยหาให้ ช่วยพาเราไป ซึ่งมันอยู่ที่ตัวเราด้วยในการตัดสินใจว่าจะเที่ยวที่ไหน พักที่ไหน ก็ต้องหาข้อมูล

แสดงว่าก่อนไปเที่ยวแต่ละทริป ป้าแป๋วเตรียมตัวดีมากๆ?

ก็ถ้าไปต่างประเทศ เราต้องหาข้อมูลเยอะเลยค่ะ อย่างไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องเอาหนังสือไปด้วย เราก็จะอ่านและหาข้อมูลจากตรงนั้น

เดินๆ อยู่ในสนามบิน การเดินทางคือความสุข

แล้ว Backpacker สไตล์ป้าแป๋วต้องเตรียมตัวอย่างไร ในเป้มีอะไรบ้าง

ในเป้ก็มีของจำเป็นที่ต้องใช้นะคะ แล้วก็มีติดยาไปด้วยหน่อยนึง แล้วมีพวกปลั๊ก ของใช้ส่วนตัวต่างๆ ถึงแม้ไปในที่ที่เขตเมืองที่เจริญ เขาจะมีร้านค้าสะดวกซื้อ แต่เราก็ต้องพกติดตัวไว้ก่อนค่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก มันถูกบังคับด้วยน้ำหนักกระเป๋า เขาให้ 20 กิโลกรัม แต่เราก็ไม่ถึง 20 กิโลหรอก เพราะเราแบกไม่ไหว

เวลาไปเที่ยวแบบนี้ มีอุปสรรคอะไรบ้างไหมคะ

ปัญหาส่วนใหญ่คือ เรื่องการหาที่พัก อยากให้สถานที่ท่องเที่ยวมีการพัฒนาเรื่องเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น คือถ้าเสิร์ชข้อมูลจากที่บ้านแล้วปริ้นออกมา จะเห็นว่าต้องไปที่ถนนนี้ มีป้ายแบบนี้ แต่พอเวลาจริงๆ มันหายาก ถ้าเราสามารถลงตรงนั้นปุ๊บแล้วมีอินเทอร์เน็ตใช้จีพีเอสนำทางเนี่ย มันจะง่ายมากสำหรับป้าแป๋ว แต่บางทีพอเราไปเนี่ย บางทีอินเทอร์เน็ตมันใช้ไม่ได้

เที่ยวที่เวียดนาม

แล้วพอหาโรงแรมไม่เจอ ป้าแป๋วแก้ปัญหายังไงคะ?

อย่างตอนที่ป้าไปญี่ปุ่น ป้าหาโรงแรมไม่เจอ ป้าก็มองหาว่าตรงไหนมี information ก็จะเข้าไปถามว่าตรงนี้อยู่ที่ไหนๆ เขาก็จะบอกเรา แต่เบื้องต้นก็ต้องเดินหาก่อน แต่ถ้าเดินแล้วไม่เจอ ก็ต้องถามคนแถวนั้นแล้วเค้าก็จะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชให้เรา ที่ผ่านมาก็จะใช้วิธีแบบนี้มาตลอด อย่างตอนไปมาเก๊าเขาก็จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พอไปถึงจุดนี้แล้วเนี่ยเราก็จะไปหาโรงแรมใหญ่ๆ ตรงไปที่ล็อบบี้เลย เพราะเรารู้ว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้แน่ๆ

ชามนี้ได้ทานตอนไปเที่ยวฮ่องกง

Q : บางคนอยากเดินทาง แต่ติดว่าไม่มีตังค์ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ป้าแป๋วมีคำแนะนำดีๆ ไหมคะ

1. ปัญหาเรื่องเงิน : ป้าว่าก็ต้องมีการบริหารจัดการเงิน อยากเที่ยวก็ต้องรู้จักเก็บออมไว้บ้างบางส่วน

2. รู้จักประมาณค่าใช้จ่าย : ถามจากคนอื่นก็ได้ที่เขาเคยไปเที่ยวมา แล้วอาจจะเตรียมเงินไปมากกว่านั้นนิดหน่อย ให้อุ่นใจ อย่างป้าแป๋วก็จะแลกเงินให้อุ่นใจว่าเรามีตังค์สำรองไว้พอสมควร ไม่ใช่ว่าพอจํากัดจําเขี่ยจะทำให้เราวิตกกังวลมากในการเดินทาง

พร้อมเที่ยวแล้วจ้า

ทะเลทรายสวยๆ ที่เวียดนาม

สถาปัตยกรรมทรงจีน

3.ต้องขจัดความกลัว : ในเรื่องของการเดินทาง ถ้าจะขจัดความกลัวไปได้เนี่ย ป้าแป๋วว่าการเตรียมข้อมูลจะทำให้เรามั่นใจมากขึ้น แต่ทีนี้เราก็ต้องมีเวลาพอสมควรในการหาข้อมูลให้ครบถ้วน อย่างป้าแป๋วก็จะเหมาะ เพราะป้าแป๋วมีเวลา แต่คนทำงานก็คงต้องแบ่งเวลา ถ้าจะเดินทางเอง ต้องเตรียมข้อมูลพอสมควร จะไปไหน อะไร ยังไง เดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมืองยังไง ที่พักอยู่ตรงไหน พอเข้าที่พักได้จะโล่งมาก สบายใจไปแล้วเปลาะหนึ่ง

4. วางแผนเที่ยวในแต่ละวัน : การเดินทางด้วยตนเอง ต้องวางแผนการเดินทางพอสมควร ไม่งั้นพอถึงตรงนั้นแล้ว ถ้าไม่มีแผนก็จะเคว้งว่าจะไปยังไงดี แนะนำให้สอบถามกับเจ้าของเกสต์เฮาส์ เขาจะแนะนำเราได้ว่าควรไปรถไฟ หรือรถใต้ดิน แล้วอีกอย่างหนึ่งคืออ่านจากหนังสือ Lonely Planet ก็ช่วยได้ หรือการรีวิวในอินเทอร์เน็ตจากคนที่ไปมาแล้ว ก็ช่วยได้เหมือนกัน

5. ภาษา : จริงๆ เราก็พอจะสื่อสารกันได้ ถามทางหรือว่าพูดคุยกันธรรมดา ถ้าผ่านมัธยมมาได้ ป้าแป๋วคิดว่าน่าจะสื่อสารได้นะ อยู่ที่ว่าจะกล้าพูดหรือเปล่า ป้าแป๋วก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่เก่งหรอก เป็นเด็กบ้านนอกด้วยซ้ำ ต้องออกไปเจอเองแล้วจะรู้

ลูกชายมาส่งที่สนามบิน

เริ่มเก็บเงินด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อ!

สมัยก่อนเป็นยุคที่ผู้ชายนิยมมีเมียน้อย เราเองต้องคิดเผื่อสำหรับตัวเองไว้ด้วยว่าอาจมีความเสี่ยง อาจมีบุคคลที่ 3 เข้ามาอยู่ในบ้าน เพื่อความไม่ประมาท ป้าแป๋วเลยแบ่งเงินเก็บไว้ทุกเดือน สำรองให้ครอบครัวและการเจ็บป่วย ดีกว่าถึงเวลาที่ต้องใช้จริงๆ แล้วเราไม่มีจนต้องไปดึงเงินอนาคตมาใช้

ป้าแป๋วก็เก็บเรื่อยมาจนถึงวันที่เกษียณ และคิดว่าชีวิตมันมาถึงปลายทางแล้วล่ะ คงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้ต้องใช้เงินก้อนนี้อีก เลยเอาเงินส่วนนี้มาใช้ในการเดินทาง จะไปขอเงินคนอื่นมาท่องเที่ยวก็คงไม่ใช่นะ ใช้เงินตัวเองดีกว่า

เที่ยวพิพิธภัณฑ์

Q : ป้าแป๋วมองว่าการเดินทางให้อะไรกับเราในวัย 63 ปีบ้างคะ?

ป้าแป๋วเชื่อว่า ถ้าป้าแป๋วไม่ไปไหน อยู่บ้าน สบ๊ายสบาย รับประทานอาหารตามเวลา แล้วก็ดูโทรทัศน์ดูข่าวไปนะ แล้วป้าแป๋วก็จะหลับ ตื่นมากินข้าวกลางวัน แล้วก็ดูโทรทัศน์ต่อ เย็นก็ไปออกกำลังกาย แล้วก็กินข้าวเย็น ชีวิตก็จะมีอยู่แค่นี้ แต่พอป้าแป๋วเดินทาง รู้สึกว่าเรา Alert นะ ต้องมีการหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ต้องเตรียมการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก มันไม่มีช่วงว่างเลย ปกติป้าแป๋วจะไปประมาณเดือนเว้นเดือนนะ หาข้อมูลเดือนนึงก่อน แล้วก็เดินทางเดือนถัดไป

เที่ยวญี่ปุ่น 13 วัน ฟินมากๆ

ป้าว่า มันเหมือนชีวิตเรามีสีสัน รู้สึกได้ใช้สมองด้วย ไปเที่ยวทีก็เหมือนได้ออกกำลังกาย เดินทั้งวัน ขาเมื่อยเลยแต่ละวัน เราก็จะได้ครบหมด ถ้าเทียบกับนอนอยู่บ้านเฉยๆ มันก็มีอะไรกระตุ้นเราน่ะ ทั้งสายตาด้วย สมองด้วย ช่วงนี้มีแรงต้องรีบไป เดี๋ยวอีกหน่อยไปไม่ไหว ก็นะตามสภาพร่างกาย ตอนนี้เรายังไปไหวก็รีบไปค่ะ

เราได้ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ ในตอนที่ยังทำงานอยู่ ก็มีความสุขทุกทริป แต่ละแห่งที่ได้ไปสัมผัสเอง มันไม่เหมือนกับที่เราอ่านหนังสือนะ ป้าแป๋วอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ตรงนี้กับสิ่งที่ชอบ ไปในเมืองไหนป้าแป๋วก็มีความสุขนะ ได้เห็นวิถีชีวิต กินอาหารอร่อยของแต่ละแห่ง แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว

…มีความสุขกว่าอยู่บ้านเป็นไหนๆ ป้าแป๋วทิ้งท้าย

สวนสวยของญี่ปุ่น

อยากบอกอะไรกับเด็กรุ่นใหม่

อยากให้เด็กรุ่นใหม่คิดถึงเรื่องการออมเงินไว้บ้าง อาจจะ 15-20% ของเงินเดือน ฝากไว้แบบไม่ต้องถอนเลย เพราะถ้าถึงวันที่จำเป็นต้องใช้ เงินก้อนนี้จะทำให้เรารู้สึกมั่นคงในชีวิต

อีกเรื่องคืออยากให้ลองใช้เวลานั่งทบทวนตัวเอง ตั้งเป้าดูว่าตอนอายุ 60 ปี คุณอยากเป็นคนแบบไหน อยากมีสุขภาพดีไหม คำว่า ‘สุขภาพดี’ สำหรับป้าแป๋วคือไม่ต้องกินยาประจำโรคไปตลอดชีวิต มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ดังนั้นการจะไม่เป็นโรคต้องทำยังไง ต้องกินอยู่ให้ดี อย่าตามใจปากจนเกินไป ขยันออกกำลังกายสม่ำเสมอ พอคิดได้แล้วก็ลงมือทำให้ได้

ขอขอบคุณ : thestandard, thairath, ป้าเเบ็คเเพ็ค

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here