ผมมีภรรยาอยู่แล้ว แต่ผมลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป

0

ผมมีภรรยาอยู่แล้ว แต่ผมลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป

ในวันนี้เรามีเรื่องราวเกี่ยวกับสองสามีภรรยาคู่หนึ่งที่รักกันมาก คนนี้เป็นรักแรกของผม แต่หลังจากที่ผมประสบความสำเร็จ กลับทิ้งเธอไป

เรื่องราวของเราเริ่มต้นตั้งแต่สมัยมัธยม เราเรียนมัธยมด้วยกัน เมื่อเรียนจบเราก็ไปต่อมหาวิทยาลัยในเมือง ส่วนเธอนั้นก็ทำงานอยู่ที่บ้าน ผมเป็นคนเดียวของหมู่บ้านที่เรียนถึงมหาวิทยาลัย แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา เมื่อพ่อของผมป่วย จากอุบัติเหตุในเหมืองถ่านหินทำให้ไม่มีเงินที่จะส่งผมเรียนต่อ จึงได้หยุดเรียนไว้ก่อน แฟนของผมนั้นเธอเป็นคนที่ดีมาก ยอมนั่งรถไฟลำบากมาถึง 2 วัน เพื่อมาผม เธอได้ยื่นสมุดบัญชีเก่าๆเล่มหนึ่ง เธอบอกกับผมว่า

“คุณเอาเงินนี้ไปเรียนต่อเถอะนะ คุณเป็นความหวังของคนทั้งหมู่บ้าน และเป็นความภาคภูมิใจของฉันด้วย”

เมื่อเธอพูดจบทำให้ผมได้มีกำลังใจที่จะเรียนต่อ เธอเป็นคนที่ให้กำลังใจผมดีมาก ดีมาตลอดเวลา

จากนั้นไม่นานเธอก็ได้ย้ายเข้ามาพักในเมือง เราเช่าห้องเล็กๆใกล้มหาวิทยาลัยอยู่ด้วยกัน และไม่นานแม่เธอก็ล้มป่วย เธอจำเป็นจะต้องกลับไปดูแลแม่ที่บ้านนอก หลังจากจบมหาวิทยาลัย 3 ปี เธอรู้สึกว่าเราทั้งสองคนห่างไกลกันมากแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกันเลย เธอรู้สึกว่าไม่ควรคู่กับผม

ตอนนั้นผมยังรักเธอมาก และซึ้งน้ำใจที่เธอมีให้กับผม ผมจึงไปคุยกับเธอ และสุดท้ายเราก็ได้แต่งงานกัน เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเก่า ช่วงนี้เธอหางานไม่ได้ ผมจึงหางานมาให้เธอทำที่บ้าน เป็นงานฝีมือที่สามารถทำเองที่บ้านได้เลย เธอเป็นคนขยันมาก

และในช่วงปี 2008 ผมลาออกจากงานประจำเพื่อมาประกอบธุรกิจเล็กๆที่บ้าน แต่ธุรกิจก็ไม่ได้ดีมากนัก และบังเอิญเธอตั้งครรภ์ ผมจึงบอกเธอว่าฐานะเรายังไม่มั่นคง ไม่สามารถที่จะมีลูกได้ในตอนนี้

ผมอยากให้เอาออก…….

และในช่วงปี 2009 ธุรกิจของเรากำลังเริ่มต้น ภรรยาของผมก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง ในตอนนั้นผมติดหนี้ธนาคารหลายแสนบาท ไม่มีกะจิตกะใจที่จะคิดเรื่องลูกเลย ผมจึงบังคับเหมือนเดิม…

ธุรกิจของผมไม่มั่นคงมาตลอด จนมาถึงปี 2012 ธุรกิจของเราเริ่มมั่นคง ผมรวยมาก มีเงินทองมากมาย ผมประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ 10 ล้านแรกในชีวิต ผมจึงคิดอยากที่จะมีลูกกับเธอ แต่เธอก็ไม่มีวี่แววที่จะตั้งครรภ์สักที ปีนี้ผมจึงพาเธอไปตรวจสุขภาพเพื่อที่จะเตรียมมีลูกด้วยกัน แต่หมอได้บอกว่า

“โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีน้อยมาก”

ในตอนนั้นเองทำให้ผมรู้สึกแย่ ตอนนั้นผมหงุดหงิดมากและทะเลาะกับเธอจนเกือบทุกวัน บางครั้งถึงกับลงไม้ลงมือ พ่อแม่ของผมอยากจะอุ้มหลาน ทำให้ผมรู้สึกกดดันขึ้นมากไปอีก

ในวันหนึ่งผมจึงขอหย่ากับเธอ

แต่เธอไม่ตกลง จะหนีกลับบ้านนอกของเธอไป เธอร้องไห้ฟูมฟายและโกรธมาก ในตอนนั้นเองผมพูดมากที่เธอหนีไป ผมจึงคิดอยากจะมีผู้หญิงคนอื่น สุดท้ายผมก็มีความสัมพันธ์กับเลขาของผมเอง ผมและภรรยาก็เริ่มห่างกัน จนผมรู้สึกว่าเขาไม่สนใจผมเลย

ผมจึงส่งรูปตอนที่ผมอยู่กับเลขาสองต่อสองในห้องบนเตียง ให้เธอได้ดู

ในตอนนั้นเธอเงียบไปและไม่ได้ทะเลาะอะไรกับผมเลย

ต่อมาเมื่อปี 2013 ผมกับเธอก็หย่ากันที่อำเภอ ในวันนั้นเธอชวนผมไปกินข้าวหลังจากที่หย่ากันแล้ว เธอเดินมาพร้อมกับหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง เธอยื่นหนังสือเล่มนั้นให้ผมและถามผมว่า

คุณจะไม่คืนดีกับฉันแล้วใช่ไหมคะ?

นี่คือของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันจะมอบให้กับคุณ

เมื่อผมเปิดกล่องดู ในนั้นมีหนังสือเล่มหนึ่ง ตอนนี้ผมรู้สึกขนลุกมาก หนังสือเล่มนั้นเป็นสมุดคู่มือของผู้ป่วย เพราะในสมุดบันทึกเขียนว่า เธอได้ตั้งครรภ์ไปแล้ว 4 ครั้ง และเอาออกไปแล้ว 4 ครั้ง เธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย ผมนึกขึ้นได้ว่า เธอพยายามบอกผมหลายครั้งแล้วว่าขอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายหน่อย

แต่ผมกลับไม่สนใจใยดีและไม่เป็นห่วงสุขภาพของเขาเลยแม้สักนิด

วันๆผมเอาแต่ทำงาน มัวแต่หาเงิน ที่แท้เธอไม่สามารถมีลูกได้นั้นก็เป็นเพราะ..ความผิดของผมเองทั้งหมด ผมไม่เคยรู้เลย ไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้เลย หลังจากที่เธอเอาออกทุกครั้ง เธอกลับมาจะต้องทำงานหนักที่บ้าน ทำงานบ้านทุกสิ่งทุกอย่าง ซักผ้า ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ผมคิดว่า 3-4 อย่างนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักอะไรเลย

แต่ในตอนนี้ผมได้รู้แล้ว ทุกอย่างกระจ่างทันทีเมื่อผมได้เปิดสมุดเล่มนี้

ผมนั่งร้องไห้หนักมาก และตบหน้าตัวเอง ผมอยากจะให้เธอกลับมา แต่ผมพลาดไปแล้ว เลขาของผมกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งนั่นก็คือลูกของผม พ่อแม่เขาบังคับให้ผมแต่งงานกับเธอ แต่ใจตอนนี้ของผมอยู่ที่ภรรยา

ผมจะต้องทำยังไงดี ทำไมผมถึงมาตาสว่างอะไรตอนที่เสียเธอไป ทำไมตอนที่อยู่ด้วยกันผมถึงไม่ทำให้เธอมีความสุข ทำไมถึงไม่ทำดีกับเธอ ทำไมต้องมาคิดได้อะไรตอนนี้ ผมรู้ว่าตัวผมเองไม่ควรให้อภัย ชีวิตในตอนนี้ผมควรทำอย่างไรต่อไปดี?

เขียน / เรียบเรียงโดย : Postsara

ไม่อนุญาตให้ทำการคัดลอกเด็ดขาด

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here