ป้าไปขายของเก็บกระเป๋าเงินได้ และได้แอบเอาเงิน 1 พันใส่ไปให้เจ้าของด้วย หลังจากนั้น

0

ป้าไปขายของเก็บกระเป๋าเงินได้ และได้แอบเอาเงิน 1 พันใส่ไปให้เจ้าของด้วย หลังจากนั้น

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์จากต่างประเทศได้นำเสนอและมีหลายๆคนได้ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก โดยเรื่องราวมันมีอยู่ว่าแถวหน้าสถานีรถไฟแห่งหนึ่งมีแผงลอยมาตั้งขายกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขายผักสด ของกินต่างๆ และหนึ่งในนั้นก็คือหลานของป้าหวังถ้าเทียบกับคนขายของในแถวๆนั้นแล้ว ป้าหวังมีอายุมากที่สุด เพราะอีกไม่กี่วันแกก็จะมีอายุ 60 แล้ว

ความจริงแล้วคนแก่ที่อายุขนาดนั้นป้าหวังคนที่จะได้นอนอยู่บ้านอย่างสบายๆ ใช้เวลาว่างไปเดินเล่นในสวนเข้าวัดทำบุญ แต่ป้าแกไม่ได้โชคดีแบบนั้น แถมยังไม่มีแม้แต่เวลาที่จะดูแลลูกหลานของตนเอง ซึ่งก็เป็นภาระหนักที่ว่าจะต้องดูแลลูกหลาน เพราะลูกชายของแกจะเข้า 30 แล้วแต่ก็ยังไม่แต่งงานกับใครเขาสักที

ในทุกวันนี้พอคิดถึงเรื่องลูกชายของแกนั้น ป้าหวังกับลุงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำอีก พูดถึงลูกของแกก็ไม่ใช่พวกที่ไม่เอางานการ หลังจากเรียนจบเขาก็ทำงานอยู่ในเมือง ทำโอจนดึกดื่น แถมยังเป็นคนกตัญญูในสายตาของแก่กับสามี ลูกชายทำอะไรก็ดี ที่ทำงานดึกๆดื่นๆก็เพื่อหาเงินมาแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่

ป้ากับลุงรู้ว่า ที่ลูกชายไม่มีแฟนสักที เพราะผู้หญิงสมัยนี้วัตถุนิยม จะให้รักกันแค่ไหนก็เอาชนะเงินทอง สินสอดไปไม่ได้ ลูกชายเองก็มีแฟนมาหลายคน ล้วนเป็นคนต่างจังหวัด แต่พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน ก็เรียกร้องสินสอดเงินทองมากมาย แล้วลูกชายแกทำงานเก็บเงินมาไม่กี่ปี จะไม่มีเงินเก็บอะไรมากมาย

หลายๆครั้งที่ลูกชายปิดบังพวกแกเรื่องที่เลิกกับแฟน เขาไม่อยากให้พ่อแม่เป็นกังวลกับเรื่องแต่งงานของตัวเอง แต่ลุงกับป้าจะไปทนมองเห็นลูกชายไม่เป็นฝั่งเป็นฝาสักทีได้ยังไง เพราะงั้นลุงกับป้าก็เลยมาเปิดแผงขายของกันหน้าสถานีรถไฟ ทุกวันป้าหวังจะเข็นรถมาหลายกิโล บางทีเพื่อให้ได้ทำเลดีๆแกก็ต้องออกมาแต่เช้ามืด วันนึงก็ไม่ได้จะขายได้เงินสักเท่าไหร่ แต่สองสามีภรรยาสาบานไว้ว่าต่อให้ต้องขายชีวิตก็ต้องให้ลูกชายแต่งงานให้ได้

แม้ว่าป้าหวังจะลำบาก แต่แกไม่เคยเอาเปรียบใคร ในสายตาพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น ป้าหวังเป็นคนแก่ที่ใจดีมาก

อีกไม่นานก็จะตรุษจีนแล้ว วันนี้ป้าหวังก็เข็นรถมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้ทันเวลาที่คนไปทำงาน คนผ่านไปมามากมาย แค่ตอนเช้าป้าหวังก็ขายได้เงินไม่น้อย แกดีใจมาก แถวหน้าสถานีรถไฟ คนเดินผ่านไปมาพลุกพล่าน ทำให้มีโจรขโมยไม่น้อย พวกเขาจะเล็งนักท่องเที่ยว แล้วก็ไปล้วงเอากระเป๋าของนักท่องเที่ยวคนนั้นไปได้ ป้าหวังเจอกระเป๋าสตางค์เปล่าๆในถังขยะเป็นประจำ เมื่อเห็นในกระเป๋าตังค์มีบัตรต่างๆของนักท่องเที่ยว ก็อดไม่ได้ที่จะด่าว่าพวกลักขโมย แล้วก็เอากระเป๋าสตางค์ใส่ไว้ในรถเข็น ออกมาเที่ยวแบบนี้ไม่เหลือบัตรประจำตัวอะไรเลยจะทำยังไง ป้าหวังคิดหวังให้นักท่องเที่ยวที่กระเป๋าหายกลับมา แกจะให้เอาคืนให้เจ้าของ

ประมาณบ่าย 3 กว่าๆ ป้าหวังก็เห็นเด็กนักศึกษาคนนึงสะบายกระเป๋าแบคแพคเดินผ่านมา ใส่เสื้อผ้าดูเป็นคนมีตังค์ แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา ป้าหวังเห็นเด็กนักศีกษาคนนั้นกวาดตามองไปตามพื้น ก็รู้ว่าคงโดนขโมยกระเป๋าสตางค์ไป โชคดีที่ก่อนหน้านี้ป้าหวังเก็บกระเป๋าได้ เปิดออกมาดูบัตรก็เห็นว่าเป็นนักศึกษาคนนั้น ก็เลยเรียกเขาเข้ามา

“พ่อหนุ่มโดยขโมยกระเป๋าสตางค์ไปใช่มั้ย ลองดูซิว่านี่บัตรของพ่อหนุ่มรึเปล่า?” ป้าหวังยื่นบัตรให้เขา หลังเด็กนักศึกษาเห็น ก็ดีใจมาก เขารู้ว่าป้าหวังคือคนดี ขโมยคงไม่เอาบัตรมาคืนให้เขาเอง ก็เลยร้องไห้โฮออกมาพร้อมว่า : “คุณป้าครับ นี่บัตรของผม ขอบคุณมากครับ ถ้าไม่มีบัตรประชาชนใบนี้วันนี้ผมคงกลับบ้านไม่ได้”

“พ่อหนุ่มจำไว้นะ เวลาออกจากบ้านต้องระวังทรัพย์สินของตัวเองให้ดี” ป้าหวังพูดพลางก็ยื่นกระเป๋าสตางค์คืนให้ นักศึกษาหนุ่มรับไป เขารู้อยู่แล้วว่าเงินข้างในคงโดนขโมยเอาไปหมดแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดู แต่แล้วก็ต้องอึ้ง ในนั้นมีเงินอยู่ 1,000 ขโมยไม่น่าจะทิ้งไว้นี่นา “ป้าครับ” ชายหนุ่มมองป้าหวัง น้ำตานอง

“พ่อหนุ่ม วันนี้ป้าไม่ได้ขายได้มากมายอะไร มีให้พ่อหนุ่มได้แค่พันเดียวเอาเงินนี้ไปซื้อตั๋วกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วง” ป้าหวังพูด

“คุณป้าใจดีจัง ขอบคุณมากครับ ผมจะต้องตอบแทนบุญคุณป้าให้ได้” พูดจบ ชายหนุ่มก็น้ำตาไหลอีกรอบก่อนเดินจากไป

พอเด็กนักศึกษาพ้นตาไป แม่ค้าแผงข้างๆก็พูดขึ้นว่า “ป้าหวัง วันนี้ป้าขายได้ยังไม่เท่ากับให้ไอ้หนุ่มนั่นไปเลยมั้ง”

“อือ เด็กมันน่าสงสาร อีกไม่กี่วันก็จะตรุษจีนแล้ว ถ้าไม่กลับบ้านที่บ้านก็คงเป็นห่วง” ป้าหวังไม่เสียใจที่ให้เงินไป

หลังตรุษจีนผ่านไป นักท่องเที่ยวก็เริ่มเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ป้าหวังก็เข็นรถออกมาขายของตั้งแต่เช้าตรู่เช่นเคย หลังจากถึงหน้าสถานีรถไฟได้ไม่นาน ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาหา : “คุณป้ามาแล้ว ผมไม่รู้จะติดต่อป้ายังไง ก็เลยมาคอยที่นี่ แต่รถไฟผมจะออกแล้ว ถ้าป้ายังไม่มา ผมก็คงไม่ได้เจอ”

ป้าหวังเห็นหน้าเด็กหนุ่มก็จำได้ คือเด็กนักศึกษาที่แกเคยช่วยไว้ : “พ่อหนุ่มมีอะไรรึ รถจะออกแล้วไม่ใช่หรือ รีบไปเร็วๆสิ อย่ามามัวโอ้เอ้” เด็กหนุ่มหยิบถุงเล็กๆออกมาจากกระเป๋า แล้วบอกกับป้าหวังว่า : “คุณป้าครับ ขอบคุณที่ช่วยผมไว้ นี่เป็นของฝากจากบ้านผม ผมให้ป้า” พูดจบเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งจากไป มองเห็นเด็กหนุ่ม ป้าหวังก็ชื่นใจ แล้วก็ค่อยๆเปิดถุงออกดู พอเห็นของข้างในแกก็ต้องตะลึง เพราะนอกจากของฝากที่เด็กหนุ่มได้นำมาฝากป้าไว้แล้วยังมีเงินอีกจำนวน 100,000 ที่เขามอบให้ป้า

ในบทเรียนของเรื่องนี้สอนให้ใครหลายๆคนได้รู้ว่า ถ้าหากเราจริงใจกับใครมีความหวังดีกับใครด้วยใจที่บริสุทธิ์ การทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนในวันหนึ่งคุณความดีที่เราได้ทำนั้น เราจะได้รับผลตอบแทนโดยที่ไม่คาดคิด และสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับตัวเราเองและเราจะมีความสุขในสิ่งที่เราได้ทำ

ขอบคุณข้อมูลจาก : LIEKR

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here