กรมอุตุฯ ออกเตือนพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองหนัก มีลมกระโชกแรงหลายพื้นที่

0

กรมอุตุฯ ออกเตือนพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองหนัก มีลมกระโชกแรงหลายพื้นที่

ในช่วงนี้หลายๆคนอาจจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของสภาพแวดล้อมทางอากาศเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ซึ่งในวันนี้เราได้นำข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยากับสภาพอากาศในช่วงระหว่างวันที่ 7-11 เมษายน 2562 ประเทศบ้านเรานั้น ในช่วงตอนบนมีอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในบางพื้นที่ แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองหนักบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือทางตอนล่าง และภาคตะวันออกภาคใต้ในช่วงระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2562

ประเทศบ้านเราในตอนบน ยังคงมีสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดมาก ในพื้นที่ของบางส่วนโดยมีฝนฟ้าคะนองที่เพิ่มมากขึ้น บวกกับมีลมแรงในบางแห่งทางด้านของบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ให้ควรระมัดระวังในช่วงระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2562 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ต่างๆให้ควรระมัดระวังอันตรายจากการเกิดฝนฟ้าคะนองหนัก และลมกระโชกแรงอีกด้วย หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณโล่งแจ้ง บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ บริเวณตึกเก่า และแผ่นโฆษณาป้ายใหญ่

ลักษณะสำคัญทางอุตุฯ ในช่วงวันที่ 7–11 เม.ย. 62 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศตอนบน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนในช่วงวันที่ 12–13 เม.ย. 62 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนยังคงปกคลุมประเทศบ้านเราตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 7-11 เม.ย. 62 มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-42 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 เม.ย. 62 มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-42 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 7–11 เม.ย. 62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 เม.ย. 62 มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 7-11 เม.ย. 62 มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12 – 13 เม.ย. 62 อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 7–11 เม.ย. 62 มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12 – 13 เม.ย. 62 มีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 7–11 เม.ย. 62 มีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12–13 เม.ย. 62 อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ทั้งนี้ทั้งนั้นโปรดดูแลตัวเอง และอย่านำพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับพื้นที่ที่คาดว่าจะเป็นอันตรายต่อตนเอง ระมัดระวังกันเอาไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here