นักร้องสาวอินดี้ “ปาล์มมี่” ใช้ชีวิตพอเพียงไม่ติดหรู ปลูกผักกินเองไม่ต้องซื้อ

0

นักร้องสาวอินดี้ “ปาล์มมี่” ใช้ชีวิตพอเพียงไม่ติดหรู ปลูกผักกินเองไม่ต้องซื้อ

น้อยคนที่จะไม่รู้จักกับเธอ นักร้องสาวอินดี้สุดติส เสียงร้องที่น่าฟังและมีสไตล์การแต่งตัวของเธอนั้นที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งเวลาเธอไม่ได้อยู่บนเวทีไปไหนต่อไหนนั้นชอบจะเอาผมมาปิดหน้าจนบางทีคนก็จำเธอไม่ได้ นั่นคือ “คุณปาล์มมี่”

ปาล์มมี่นักร้องสาวอินดี้ชื่อดังที่น้อยคนจะไม่รู้จักเธอ ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมารายการ เอกกี้ ซอย 34 พร้อมกับเผยผลงานของตัวเองและการใช้ชีวิตอีกมุมหนึ่งที่หลายๆคนไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเธอมีชีวิตอย่างไร ชีวิตของเธอค่อนข้างที่จะหันไปแนวทางเศรษฐกิจพอเพีย งเพราะว่าเธอชื่นชอบในการปลูกผักทานเอง ไม่ว่าจะเป็นพืชผักสวนครัว มะนาว กล้วย มะรุม ตะลิงปลิง สลัดน้ำ และอื่นๆอีกมากมาย

โดยส่วนตัวแล้วเธอเป็นคนชอบกินผัก แต่เมื่อไปซื้อตามร้านค้าต่างๆก็มักเจอส า รเป็นอย่างมาก ทำให้เธอมีความคิดที่จะหันมาปลูกผักกินเอง และเธอเป็นคนที่เข้าครัวบ่อย ชอบในการทำอาหาร เนื่องจากคุณแม่ของเธอเป็นเจ้าของร้านอาหาร และเธอยังบอกเลยว่าตัวเธอเองนั้นเป็นคนที่ไม่ติดเสื้อผ้าแบรนด์หรู ชอบใส่เสื้อผ้าธรรมดา เสื้อผ้าท้องถิ่น แถมชีวิตส่วนตัวของเธอนั้นชื่นชอบในการเที่ยวป่าเที่ยวเขาที่น้อยคนนักจะรู้

ก่อนหน้านี้ PALMY หมดสัญญากับแกรมมี่แล้วพักไปช่วงนึง ช่วงนั้นหายไปทำอะไรมากบ้าง?

ก็ใช้ชีวิต แต่งเพลง ทำเพลง แล้วก็ทัวร์อยู่ ไม่เคยห่างจากการทัวร์คอนเสิร์ตเลย… อันนี้คือช่วงไหน มี่หมดสัญญากับแกรมมี่สามครั้ง แล้วมี่ก็ออกจากแกรมมี่สามครั้ง (หัวเราะ)

ตอนนั้นมี่ก็ออกมาทำคอนเสิร์ต Barefoot Acoustic เอง คอนเสิร์ต Barefoot มันก็เป็นงานอีกแบบนึงนะ เวลาเราเห็นคนเล่นอะคูสติกมันไม่อะคูสติกจริงๆ แต่อันนี้มันเป็นอะคูสติกหมดเลย โปร่งจริงๆ ถามว่าเขาเก็ตทะลุทะลวงหรือเปล่า แฟนๆ มี่ที่เฮละโลแบบพี่มี่ไปไหนเราไปกันก็อึ้งๆ ไปเหมือนกัน ฟังแล้วก็มีอึนๆ อะ พอแล้ว พอก่อน

แต่มี่รับรู้ได้ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้วว่าเขาเก่งมาก ต่างจากวงเราเลยนะ (หัวเราะ) มี่เอานักดนตรีมาจากนิวยอร์กมาเล่น ทุกคนเป็นฝรั่ง แล้วต้องมาประสานเป็นภาษาไท ย เพลงเพลงเดียวกันมันดูดีดง่าย แต่พอเสียงกีตาร์โปร่งมันเปล่งออกมาแล้วมันดีจังเลย คือเราไม่รู้ว่าการไมค์กิ้งเกี่ยวด้วยหรือเปล่า แต่มี่ให้ sound engineer จากเมืองนอกบินมาทำให้ด้วย

เพราะมี่อยากรู้ว่าในสถานที่แบบนี้ เอาฝรั่งมาเล่น มาทำเพลงของมี่ มันจะต่างไหม แล้วมันจะออกมาเป็นยังไง ปรากฏว่าหลายอย่างมันดีขึ้นมาก การฟังของมี่ดีขึ้น มี่ร้องเพี้ยนน้อยมากในงานวันนั้นเพราะทุกอย่างเคลียร์

บางทีคอนเสิร์ตใหญ่เราร้องเพี้ยนเละเลยนะ เพราะเราไม่ได้ยิน มันลั่น ตีกัน ปนกันไปหมดเลย อันนี้ก็ใช้เครื่องเสียงไท ยๆ เนี่ยแหละ ทำไมมันดีอะ ทั้งผู้เล่น การจัดการระบบ ear mornitor มี่ได้กับตัวมี่ เอาประสบการณ์ตรงนั้นมาเก็บเอาไว้ แล้ววันหน้ามี่จะทำอย่างนี้ จะดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดีขึ้น จนมาถึงวันที่มี่เล่น G19 sound engineer มี่ได้รับคำชมมากเลยว่าซาวด์ของปาล์มมี่ดีมาก

อาจจะสืบเนื่องมาจากหลายช่วงที่มีเก็บอันนี้มา แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนและพัฒนาให้มันฟังออกมาคุณภาพดีขึ้น แล้วก็ได้เจอกับพี่ฮิวโก้ ได้ทำงานด้วยกัน มันเป็นจังหวะที่พอเราหมดสัญญา จะไปทำงานกับใครมันก็ง่ายขึ้น เพราะเราไม่ติดว่าต้องแจ้งกับค่าย คล่องตัวดี มี่คนเดียวตัดสินใจได้เลย พอเจอแสตมป์ก็ชวนมี่มา featuring ในเพลง ซึ่งมี่ก็โอเคโดยไม่ต้องแจ้งให้เป็นเรื่องใหญ่ทางการอะไร

ทำไมถึงยอมกลับมาแล้วเลือกให้ Genie Records เป็นคนดูแลในครั้งนี้?

มี่ไม่เคยปล่อยเพลงมาโดยไม่มีค่าย มี่ไม่รู้ว่าถ้ามี่ทำงานเสร็จแล้วมี่จะทำในพาร์ตโปรโมตเองได้ด้วยไหม ก็ไม่ได้มีความมั่นใจว่าเราจะทำได้ ก็เลยเอาเพลงมาทิ้งไว้ที่นี่

การเป็นศิลปินที่อยู่ค่ายใหญ่หรือค่ายเล็กมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง?

มี่ได้อยู่มาทั้งสองแบบ มี่ได้ออกมาทำคอนเสิร์ตเอง ได้ลองทำงานกับคนอื่น มี่ก็เห็นความคล่องตัวตรงนี้ มันไม่ต้องใช้การตัดสินใจหลายคนผ่านกระบวนการขั้นตอนอะไรที่มันเยอะมาก เพียงแต่มี่ไม่เคยปล่อยเพลงโดยไม่มีค่าย ถามว่ามันมีผลกับเพลงมี่ไหม ไม่มี

เพราะว่าสุดท้ายแล้วเพลงมันออกมาจากบ้านมี่ จากคอมพิวเตอร์ที่มันตั้งอยู่ในห้องนั้น ไม่ได้ทำงานมาแล้วให้ที่นี่ตรวจแล้วถึงจะออกไปได้ ค่ายที่มี่อยู่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย 100% คือเรา แค่นั้นแหละ ข้อเสียของการมีค่าย ตอนนี้ก็เรื่องเดิม คือมันจำกัดในการทำงานกับคนอื่น บางทีมันก็พลาดโอกาสที่เราจะได้ไปทำอย่างอื่นมากกว่า พอมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ค่ายต้องดูแลทั้งระบบ มันก็มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง มาจำกัดให้มี่ไม่ลื่นไหล

พูดถึงเพลง นวด กับ แม่เกี่ยว มีคอนเซปต์ดนตรีในสองเพลงนี้ไหม เพราะกลิ่นของเพลงไท ยท้องถิ่นชัดเจนมาก
เมื่อสักประมาณ 2-3 ปีก่อนหน้านี้มี่แต่งเพลงไว้เยอะมาก หลายๆ อัลบั้มมี่ไม่เคยเอาเพลงตัวเองออกมาเป็นจริงเป็นจังสักที ตั้งแต่ชุดแรกก็มีแค่เพลงเดียว แล้วพอหลังจากนั้นมี่รู้สึกว่าเราแยกร่างไปเลยดีกว่า

ถ้าเราเป็น performer เราก็ทำในพาร์ตเรา คนที่เป็นมืออาชีพด้านแต่งเพลงก็ให้เขาทำไปแล้วเราก็เข้าไปขลุกด้วย เข้าไปเล่าเรื่อง บางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ มี่ก็ต้องยอมฉีกตรงนั้นออกมา มันต้องการความไว้ใจในการทำงานตรงนั้นมากๆ เพราะเขาจะมารู้เรื่องเราเยอะมาก

แต่มี่ก็ได้ซ้อมเขียนเพลง แต่งเมโลดี้ ลองขึ้นเพลงมาตั้งแต่อัลบั้มแรก พอมาถึงวันนี้ก็เลยได้ออกมาเป็น นวด กับ แม่เกี่ยว ซึ่งมีอีกหลายเพลงมากที่กำลังทำอยู่ ก่อนหน้านี้ชุด 5 มี่ได้ไปคุม เหมือนเป็นผู้รับเหมา มี่จะเห็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นทุกกระบวนการ ถ้าเนื้อไหนไม่ใช่ หรือไลน์ดนตรีไหนเราอยากเพิ่มเติม ก็จะคุยกับโปรดิวเซอร์ แต่อัลบั้มใหม่ยังไม่มีโปรดิวเซอร์ มี่แทบจะโปรดิวซ์เองด้วยซ้ำไป

กว่าแต่ละไลน์ดนตรีมันจะผ่านหูมี่ไปได้… โอ๊ย อันนี้หมดอายุละ ไม่ชอบแล้ว สองเดือนถัดมาก็เปลี่ยนอีกแล้ว คนอื่นฟังก็อาจจะแบบ โห ทำเพลงต้องขนาดนี้เลยหรอ มันไม่มีคนมาหยุดมัน บอกว่าตรงนี้คือจุดสิ้นสุด พอได้แล้ว ไม่มีเรื่อง timing หรือค่าใช้จ่าย เราก็ใช้แหลกเลย แต่ว่ามี่ชอบทำงานแบบนี้เพราะมี่เป็นคนแบบนี้ ไม่ใช่ว่าอยากทำเองนะ มันเหนื่อย (หัวเราะ) ยังหาคนที่จะมาทำหน้าที่นี้ไม่ได้

แล้วสองเพลงนี้ใช้เวลาทำงานนานไหม?

นานมาก อย่างเพลง นวด เนี่ยใช้เวลา 8 เดือน แต่ไม่ได้ทำทุกวันใน 8 เดือนนะ มันคือวันนึงทำ แล้วทิ้งไว้ก่อน ไปขยับเพลง แม่เกี่ยว ทิ้ง แม่เกี่ยว แล้วไปขยับอีกเพลง

ตอนแรกมี่อยากปล่อย แม่เกี่ยว ก่อน แต่ทุกคนฟังแล้วรู้สึกว่า แม่เกี่ยว อาจจะเครียดเกินไป ก็เลยอยาก introduce ตัวเองในภาคสนุกสนานแบบที่ทุกคนชิน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่อัลบั้มแรกเลยนะ ระหว่างเพลง อยากร้องดังดัง กับทบทวน มี่เลือก ทบทวน แต่ว่าพี่เล็ก บุษบา ดาวเรือง กับผู้บริหารทั้งหลาย เขาบอก อยากร้องดังดัง แหละ ให้คนเห็นในพาร์ตสดใส คือมันเป็นระบบที่เขาทำการตลาดอะ ซึ่งมี่ก็อะไรก็ได้ สุดท้ายมันเป็นเพลงที่มีชื่อมี่อยู่ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก : แชร์สดออนไลน์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here