เขากินกล้วยน้ำว้าบ่อยๆ เป็นประจำ 7 วัน ร่างกายเปลี่ยนไปแข็งแรง

0

เขากินกล้วยน้ำว้าบ่อยๆ เป็นประจำ 7 วัน ร่างกายเปลี่ยนไปแข็งแรง

สำหรับปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร นับเป็นปัญหาสำคัญอันดับต้นของคนในยุคใหม่ ที่ไม่ว่าเราจะทำอะไร เรามักจะเร่งรีบไปซะหมด จนในบางครั้งลืมกินอาหารในมื้อสำคัญ และแน่นอนว่าเป็นปัจจัยที่ 1 ของการดำรงชีวิต

แผลในกระเพาะอาหาร ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติ สร้างความน่ารำคาญใจให้กับคนที่เป็นอย่างมาก สำหรับใครที่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกการปวดท้องเวลาหิวข้าว แต่พอกินข้าวไปไม่กี่คำก็รู้สึกจุกและแน่น มีความรู้สึกเสียดท้องขึ้นมาทันที กินยาเคลือบกระเพาะก็แล้วก็ยังไม่หาย

แท้ที่จริงแล้วยังมีอีกหนทางที่ช่วยในการรักษากระเพาะอาหารที่แสนง่าย ถูกและดี เรียกได้ว่าเป็นเรื่องกล้วยๆก็ว่าได้ เพราะงานนี้พระเอกที่สำคัญก็คือผลไม้นั่นเอง เราเรียกว่ากล้วยน้ำว้า

แนะนำคนไข้ที่มีปัญหาแสบร้อนท้อง มีแผลในกระเพาะ ให้ทานกล้วยน้ำว้าดิบเพื่อรักษาแผ ล วิธีการทานนั้นก็ไม่ยากอย่างที่หลายท่านคิด

วิธีที่ 1 แบบทานสด

1 เพียงแค่นำกล้วยน้ำว้าดิบมาปอกเปลือกออก หั่นเป็นแว่นบางๆ 2-3 แว่น

2 จุ่มน้ำผึ้งเคี้ยวทานก่อนมื้ออาหารทุกมื้อ ประมาณ 30 นาที การเคี้ยวก่อนกลืนจะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น หากไม่ได้จุ่มน้ำผึ้งจะทำให้เวลาเคี้ยวติดฟัน

วิธีนี้ค่อนข้างเห็นผลได้เร็วไม่เกิน 1 เดือนแผลในกระเพาะอาหารก็จะหายได้สนิท

วิธีที่ 2 แบบแปรรูป

หากใครไม่สะดวกในการเตรียมทุกมื้อ ก็สามารถนำกล้วยดิบมาแปรรูปให้เก็บไว้ทานได้ง่ายๆ ดังนี้

1 นำกล้วยน้ำว้าดิบมาล้างให้สะอาด (ไม่ต้องปอกเปลือก) แล้วหั่นเป็นแว่นบางๆ แผ่ในถาด ไม่ให้ชิ้นกล้วยซ้อนกัน

2 ตากลมหรือแดดสัก 3 แดด แต่ควรระวังไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป ตากจนกล้วยกรอบและแห้งสนิท

3 นำมาตำจนละเอียดเป็นผงแล้วเก็บใส่โหล เมื่อจะนำมาทานก็ใช้ผสมกับน้ำอุ่นๆ หรือน้ำผึ้งทานก็ยิ่งดี ก่อนอาหารทุกมื้อ 30 นาที ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีที่ 1 แบบยาลูกกลอน

หากไม่สะดวกในการแปรรูปด้วยตนเอง เราก็ยังสามารถหาซื้อกล้วยดิบผงหรือแบบที่ปั้นเป็นลูกกลอน (แนะนำให้ทานแบบลูกกลอนเพราะจะออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารได้ง่าย) ตามร้านขายยายาสมุนไพรมาทานได้เช่นกัน ทานตามที่ฉลากยาแนะนำ ให้ได้ต่อเนื่อง 1-2 เดือน อาการแผลในกระเพาะก็จะหายไป ระบบย่อยจะกลับมาทำงานได้ดีอีกด้วย ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมว่า นี่เป็นเพียงปลายทางในการรักษาอาการที่เกิดขึ้นแล้ว การรักษาโรคที่ถูกต้องที่สุด คือ การปรับพฤติกรรมการกินอยู่ให้เหมาะสมกับธรรมชาติของร่างกาย

ใครจะขอโบกมือบายจากกระเพาะอย่างจริงจัง เราก็มีคำแนะนำเบื้องต้นดังนี้

1 ทานอาหารให้ตรงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมื้อเช้า ควรทานไม่เกิน 9:00 น. เพราะเป็นเวลาการทำงานของลมปราณกระเพาะอาหารตามนาฬิกาชีวิต น้ำย่อยจะออกมาเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ควรทานอาหารที่มีคุณภาพ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวแกง กับข้าวสดใหม่ ก๋วยเตี๋ยว เพราะอาหารเช้า คือขุมพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวัน

2 หากไม่จำเป็น ควรงดการทานอาหารมื้อดึกเกิน 3 ทุ่ม เพราะเป็นเวลาที่ระบบต่างๆ ในร่างกายต้องการพักผ่อน

3 ไม่รังแกระบบย่อยอาหารด้วยการดื่มน้ำในเวลาทานอาหารมากเกินไป การดื่มน้ำมากในมื้ออาหารจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง การย่อยจะไม่มีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดขยะตกค้างข้างในได้มาก

4 ลดการทานอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์เหนียวๆ ของทอด ของมัน เครื่องดื่มเย็นจัด หวานจัด เพื่อลดภาระของระบบย่อยอาหาร

ลองทำดูสัก 1 เดือน แล้วคุณจะยกมือขึ้นได้สุดแขน

“มาช่วยกันทำให้คนป่วยน้อยลง”

หมายเหตุ ประโยชน์ของกล้วยดิบ ได้จากผลกล้วยห่ามๆหรือดิบของกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยตีบ หรือกล้วยหักมุก

ขอขอบคุณ : thearokaya

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here