คำทำนาย”พุทธทำนาย” 10 รัชกาลเกิดขึ้นแล้วเป็นจริง

0

คำทำนาย”พุทธทำนาย” 10 รัชกาลเกิดขึ้นแล้วเป็นจริง

มีคำทำนาย ว่าชาวศิวิไลซ์ มีความหมายว่า ประเทศบ้านของเรานั้นจะก้าวข้ามพ้นช่วงยุคเข็ญ และนับต่อจากหนีไป เราจะก้าวข้ามไปสู่ยุคความเจริญรุ่งเรือง

เราจะพบกับความมั่งคั่งสมบูรณ์แบบเหมือนกับอารยประเทศ ที่เขาเจริญกันแล้ว เพราะด้วยความสมบูรณ์ของประเทศบ้านเรา รวมทั้งขุมทรัพย์มหาศาลในผืนแผ่นดิน เมื่อใดที่มีผู้บริหารที่ดี มีความจริงใจต่อบ้านเมือง ทรัพยากรที่มีอยู่มากมายก็จะปรากฏขึ้น น้ำมันมากมายใต้ผืนแผ่นดินก็จะได้ทำเงิน

พอๆกับแม่น้ำสายหนึ่ง กว้างประมาณหนึ่งกิโลเมตรและยาวกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งกำลังไหลผ่านประเทศของเราลงสู่ทะเล เมื่อใดก็ตามที่ประเทศของเราได้ผู้บริหารประเทศที่ดี มีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ด้วยขุมทรัพย์มหาศาลในเมือง ก็จะทำให้บ้านเรากลายเป็นเมืองแห่งมหาเศรษฐีมีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย

คำชี้แจง เป็นคำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งได้ทำนายไว้ตั้งแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกและสูญเสียอิสรภาพให้กับพม่า หรือก่อนที่กรุงเทพยังไม่ปรากฏขึ้น ได้ทำนายไว้ว่า

กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แต่จะสูญเสียอิสรภาพไม่นานนัก เพราะจะมีคนดีของกรุงศรีอยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติได้แล้วจะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ใหม่และเหตุการณ์ต่างๆของกรุงศรีอยุธยา ก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกประการ และพระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวยังได้ทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่

กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละรัชกาลมีดังต่อไปนี้

ข้อที่ ๑.ในสมัยรัชกาลที่ ๑

ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถูกทำนายไว้ว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์ ซึ่งมีความหมายว่า ทรงผ่านพระเจ้าตากสินขึ้นครองพระราชสมบัติ

ข้อที่ ๒.ในสมัยรัชกาลที่ ๒

ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ถูกทำนายไว้ว่า รู้จักธรรม ซึ่งมีความหมายว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่างจากศึกสงคราม ท่านก็ได้หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัยรวบรวมกันเป็นการใหญ่

ข้อที่ ๓.ในสมัยรัชกาลที่ ๓

ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ถูกทำนายไว้ว่า จำต้องคิด ซึ่งมีความหมายว่า พระราชาองค์นี้ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้

ข้อที่ ๔.ใสมัยรัชกาลที่ ๔

ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถูกทำนายไว้ว่า สนิทธรรม ซึ่งมีความหมายว่า พระราชาองค์นี้ จะทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา จึงมีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับสมเด็จพระพุทธอาจารย์โตอย่างยิ่งหรือเรียกได้ว่า เป็นคู่บารมี

ข้อที่ ๕. ในสมัยรัชกาลที่ ๕

ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถูกทำนายไว้ว่า จำแขนขาด ซึ่งมีความหมายว่า จะมีการเสียดินแดนของประเทศเกิดขึ้นไปหลายครั้งหลายหน โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยอมเสียแขน ขา ดีกว่าสูญเสียตัวทั้งหมด จึงยอมเสียแผ่นดินไปบางส่วนเพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้จนมาถึงวันนี้

ข้อที่ ๖. ในสมัยรัชกาลที่ ๖

ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ถูกทำนายไว้ว่า ราษฎร์ราชาโจร ซึ่งมีความหมายว่า เงินในท้องพระคลังจะถูกนำออกมาใช้จ่ายจนหมดสิ้น

ข้อที่ ๗. ในสมัยรัชกาลที่ ๗

ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ถูกทำนายไว้ว่า นั่งทนทุกข์ ซึ่งมีความหมายว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดีเพราะเงินในท้องพระคลังได้หมดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลก่อน พระองค์จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ และถึงกับต้องปลดข้าราชการออกเป็นจำนวนมากในครานั้น เท่านั้นยังไม่พอต่อมาพระองค์จำพระทัยต้องสละราชสมบัติ ก่อนจะเดินทางออกจากประเทศของตนไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์

ข้อที่ ๘. ในสมัยรัชกาลที่ ๘

ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ถูกทำนายไว้ว่า ยุคทมิฬ ซึ่งมีความหมายว่า บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยาก ยากแค้นแสนสาหัส พระพระมหากษัตริย์จะถูกรอบปลงพระชนม์จนสวรรคต

ข้อที่ ๙. ในสมัยรัชกาลที่ ๙

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ถูกทำนายไว้ว่า ถิ่นกาขาว ซึ่งมีความหมายว่า กาซึ่งปรกติจะตัวดำแต่คนในยุคนี้กับมองเห็นเป็นกาสีขาว

คนพาล คนชั่วแต่ผู้คนกลับมองว่าเป็นคนดี ยกย่องสรรเสริญคนไม่ดี สนับสนุนคนพาล คนเลวทำตัวเป็นดีเดินตามถนน ส่วนคนดี เดินก้มหน้าตามตรอก คนเลวแกล้งทำตัวเป็นคนดีจนสังคมแยกไม่ออก ว่าใครดีใครชั่ว พร้อมทั้งกดขี่คนดี

ข้อที่ ๑๐. ในสมัยรัชกาลที่ ๑๐

ถูกทำนายไว้ว่า ชาววิไล ซึ่งมีความหมายว่า ประเทศของเราได้ก้าวพ้นช่วงยุคเข็ญมาแล้ว และนับแต่นี้ต่อไป ประเทศของเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรือง ประเทศเราจะได้พบกับความมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย

เพราะความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินเรา รวมถึงขุมทรัพย์มหาศาลในผืนแผ่นดิน เมื่อใดที่มีผู้บริหารดีมีความจริงใจต่อประเทศชาติบ้านเมือง ทรัพย์พยากรณ์ที่มีอยู่มากมายจะปรากฏขึ้น น้ำมันที่มีอยู่มากมายมหาศาลใต้ผืนดินของประเทศ พอๆกับแม่น้ำสายหนึ่ง กว้างประมาณหนึ่งกิโลเมตรและยาวกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ที่กำลังไหลผ่านประเทศของเราลงสู่ท้องทะเล เมื่อใดก็ตามที่ประเทศของเราได้ผู้บริหารประเทศที่ดี มีมือสะอาดซื่อสัจสุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

ด้วยขุมทรัพย์มหาศาลในเมือง จะทำให้เมืองของเรากลายเป็นเมืองแห่งมหาเศรษฐีมีชื่อเสียงก้องระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นประเทศ มหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย

ขอขอบคุณ : กรุ๊ปไลน์ข่าวเด่น

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here