รู้ไว้! ผ่อนรถไม่ไหว แต่ไม่อยากถูกไฟแนนซ์ยึด แถมได้เงินคืน

0

รู้ไว้! ผ่อนรถไม่ไหว แต่ไม่อยากถูกไฟแนนซ์ยึด แถมได้เงินคืน

ใครที่กำลังแบกรับภาระค่าใช้จ่ายหนักหน่วง ต้องผ่อนต้องจ่ายหลายที่ จนไม่สามารถผ่อนรถต่อได้ อยากลดภาระจำใจทิ้งรถที่ผ่อนมา 2-3 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่หากปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดก็เสียดายเงินที่เคยผ่อนไว้ หากไม่ปล่อยก็รับภาระไม่ไหว จะทำอย่างไรกันดี? เราไปดูคำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่กำลังหาทางแก้ปัญหานี้อยู่

เรารวบรวมแนวทางดำเนินการที่สามารถทำได้จาก นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ทนายความชื่อดัง ซึ่งให้คำแนะนำแนวทางแก้ปัญหาไว้ 5 วิธี ดังนี้

1. การคืนรถ

กรณีการคืนรถโดยผิดสัญญา หรือค้างผ่อนชำระหลายงวด โดยจะต้องชำระค่าเสียหาย ค่าขาดประโยชน์ และอื่นๆ ยิ่งค้างชำระหลายงวดจะยิ่งเสียค่าเสียหายจำนวนมาก

กรณีการคืนรถโดยที่ไม่ผิดสัญญา หรือไม่ได้ค้างผ่อนชำระ คุณจะถูกเรียกเก็บเงินจากไฟแนนซ์เพียงค่าส่วนต่างเวลาที่ขายรถและขาดทุน หากเป็นลักษณะนี้ ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายหรือค่าขาดประโยชน์ใดๆ เนื่องจากไม่ได้ค้างชำระ

2. การขายให้บุคคลอื่นโดยไม่ได้เปลี่ยนสัญญา

เป็นกรณีไม่แนะนำให้กระทำ เพราะมีความเสี่ยงสูง หากคุณขายขาดให้คนอื่นโดยไม่ได้เปลี่ยนสัญญา ชื่อผู้เช่าซื้อยังเป็นคนเดิม หากผู้ซื้อคนใหม่นำรถไปขายต่อ หรือเกิดความเสียหาย เช่น รถหาย เอารถไปจำนำ เอารถไปขาย เจ้าของเดิมจะต้องตามรับผิดชอบ ไม่ว่ารถจะไปอยู่ที่ไหนจะต้องตามกลับมาคืนไฟแนนซ์

3. การขายให้บุคคลอื่นโดยเปลี่ยนสัญญา

เป็นวิธีแนะนำ สามารถกระทำได้อย่างปลอดภัยที่ทุก หากคุณสามารถหาคนซื้อรถ หาคนเปลี่ยนสัญญาได้ อาจจะต้องยอมขาดแบบขาดทุน แต่วิธีนี้จะปลอดภัยทั้งคนค้ำประกันและผู้เช่าซื้อ หรือเจ้าของเดิม และคุณยังสามารถนำเงินจากการขายไปปิดจ่ายหนี้ให้ไฟแนนซ์ได้ แม้ขาดทุนแต่ก็แลกกับค่าใช้จ่ายอีกเบิกบานในอนาคต

4. รีไฟแนนซ์ใหม่หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่

คุณจะเสียประโยชน์เต็มๆ หากอยากเก็บรถไว้ ก็ทำได้โดยการขอขยายระยะเวลาการผ่อน และขอลดยอดการในต่อเดือนลง ซึ่งจะเอื้อผลประโยชน์ต่อไฟแนนซ์ เพราะคุณจะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแน่นอน

5. เจรจาขอผ่อน เฉพาะดอกเบี้ยไปก่อน

หากสามารถเจรจากับไฟแนนซ์ให้คงต้นเงินไว้และผ่อนเฉพาะดอกเบี้ยไปก่อน ก็เป็นอีกวิธีที่คุณจะสามารถรักษารถเอาไว้ได้ เผื่อในอนาคต ผู้เช่าซื้ออาจจะมีเงินก้อนไปปิด

นอกจากนี้ ทนายเจมส์ กล่าวเพิ่มเติม ในกรณีที่เจ้าของรถผ่อนไม่ไหว ไม่มีเงินโปะ และไม่ยอมเอารถไปคืน มีอยู่ 2 กรณี คือ

1. หากยังมีรถอยู่กับตัว อาจถูกไฟแนนซ์ฟ้องแพ่ง ในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อ โดยบังคับยึดรถ หรือตามยึดทรัพย์อย่างอื่น แต่ฟ้องคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ไม่ได้

2. ผู้เช่าซื้อเอาไปขายต่อเต็นท์รถ หรืออื่นๆ ในระหว่างสัญญา ไม่มีรถอยู่กับตัวแล้ว เจ้าของรถอาจจะถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหา ยักยอกทรัพย์ได้ เพราะกรรมสิทธิ์รถเป็นของไฟแนนซ์ ดังนั้น เจ้าของรถไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาไปขาย

เลือกวิธีที่เหมาะและสะดวกกับตัวคุณให้มากที่สุด ให้เกิดผลเสียน้อยที่คุณและพยายามอย่าให้เดือดร้อนไปถึงผู้ค้ำประกัน สมบัติเป็นของนอกกายเราหาใหม่ได้แน่นอน

ขอบคุณที่มา : khonkan

เรียบเรียงโดย : Postsara

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here