แม่เอาแต่ “ขลุกตัว อยู่ในห้อง” ไม่ยอมออกมา สุดท้ายมารู้ความจริง

0

แม่เอาแต่ “ขลุกตัว อยู่ในห้อง” ไม่ยอมออกมา สุดท้ายมารู้ความจริง

ฉันได้รู้จักกับสามีผ่านทางเพื่อนสนิท ตอนนี้สามีของดิฉันนั้นเป็นพนักงานขายของที่บริษัทแห่งหนึ่ง เขาได้จากบ้านนอกมาทำงานในเมือง ที่บ้านเขานั้นยากจนมาก และยังเป็นลูกคนเดียวอีก พ่อของเขาจากไปตั้งแต่เขายังเล็ก แม่เขานั้นเลี้ยงตัวเอาเองมาด้วยตัวคนเดียว ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาจริงรักและเชื่อฟังแม่ของตัวเองมาก

แต่หลังจากที่เราได้แต่งงานกัน เราไม่ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านนอก มีได้ผ่อนบ้านหลังนึงที่ตัวเมืองแต่ยังไม่มีเงินตกแต่ง หลังจากที่งานแต่ง พอดีฉันให้ซื้อเฟอร์นิเจอร์และรถยนต์ให้เป็นของขวัญในวันแต่งงาน สามีดิฉันดูแลฉันดีมากๆ ฉันเป็นคนเก็บเงินทั้งหมด เขาเป็นคนใช้จ่ายที่ประหยัด

ถึงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างเก็บเงินเก่ง แต่ก็ไม่ได้งกกับดิฉันเลย เขามักจะซื้อของฝากไปให้ครอบครัวของฉันทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้พ่อและแม่ของฉันจึงไม่รังเกียจที่เขายากจน แถมยังบอกให้ดูแลครอบครัวให้ดี หลังจากแต่งงานฉันก็ได้ชวนแม่สามีมาอยู่ด้วยกัน เพราะหวังว่าท่านจะใช้ชีวิตคนเดียวลำบาก แต่เธอนั้นไม่ยอมมา..

แต่หลังจากนั้นแม่สามีเกิดปวดหัวจนล้มป่วย เราจึงต้องพาเธอมารักษาตัวในตัวเมือง พร้อมกับพักอยู่ที่บ้านเรา ช่วงระหว่างที่เธออยู่ที่บ้าน เราเห็นว่าเธอไม่ค่อยสบายใจนัก เอาแต่อยู่ในห้องนอนไม่ยอมออกมา ไม่ว่าจะชวนออกมานั่งคุยหรือดูโทรทัศน์ก็ตาม

เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ เธอก็ไม่ออกมากิน จนสามีต้องเตรียมอาหารเอาไปให้ถึงห้อง ตอนนั้นฉันคิดเพียงว่าเธออาจยังเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก จึงไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลบอกว่าเธออาการปกติดี แค่ปวดหัวธรรมดาเท่านั้น หลังจากเธอหาหมอเสร็จก็รีบกลับบ้านนอกไปทันที ถึงแม้ว่าฉันกับสามีจะเอ่ยปากชวนให้เธออยู่ต่อก็ตาม หลังจากนั้นฉันจึงถามสามีว่า “แม่เป็นอะไรหรือเปล่า ? เหมือนมีอะไรไม่สบายใจ” สามีจึงถอนหายใจพูดกับฉันว่า “เมื่อก่อนผมเคยมีแฟนคนหนึ่ง ตอนนั้นแม่ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่แฟนเก่าผมรังเกียจแม่ผมมาก เธอไม่ชอบที่แม่ผมดูสกปรก เคี้ยวอาหารเสียงดัง จนเราทะเลาะหลายครั้งและเลิกกันในที่สุด แม่ของผมมักคิดว่าเธอเป็นต้นเหตุให้เราเลิกกัน จึงกังวลใจตั้งแต่นั้นมา”

เมื่อฉันได้ยินก็หัวเราะและพูดว่า “ฉันไม่รังเกียจแม่สักหน่อย ยังอยากจะรับมาตลอดเลย” แต่สามีก็บอกว่าแม่ยังกังวลว่าเราจะทะเลาะกัน วันถัดมาฉันจึงเล่าเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟัง พ่อแม่ฉันจึงแนะนำให้ฉันขับรถไปรับเธอมาด้วยตัวเอง ฉันทำตามที่พ่อบอก แต่แม่สามีก็ยังปฏิเสธพูดว่า เธอชอบอยู่คนเดียวมากกว่า แต่ฉันก็เชิญชวนให้เธอมาด้วยกันจนได้ ฉันเตรียมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวให้เธอครบถ้วน เริ่มแรกเธอยังไม่ค่อยกล้าออกจากห้อง แต่ไม่นานนักเธอก็เริ่มชวนฉันคุยมากขึ้น จนกล้าออกมาข้างนอกดูโทรทัศน์ บางครั้งก็ยังไปเดินที่สวนสาธารณะคนเดียวอีกด้วย ส่วนสามีของฉันดูปลื้มใจไม่น้อยที่เราเข้ากันได้ดี ทำให้เขาไม่เคยโมโหฉัน และตามใจฉันมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

อันที่จริงฉันไม่ได้รังเกียจท่านเลย เพราะเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันก็ควรดูแลให้เท่าเทียมกัน หากไม่รักทุกคนในครอบครัวให้เท่าเทียมกัน คงยากที่ครอบครัวจะเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะความรักคือความเคารพซึ่งกันและกันจริงไหมคะ

ขอขอบคุณ : ไลค์เก้อร์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here