ปลาทูทอดสอนใจ อ่านทีไรก็เตือนตัวเองได้เสมอ

0

ปลาทูทอดสอนใจ อ่านทีไรก็เตือนตัวเองได้เสมอ

แม่ของผมเป็นคนที่ชอบทำอาหารอยู่ประจำอยู่ที่บ้าน มีอยู่คืนหนึ่งแม่ของผมทำงานหนักมาตลอดทั้งวันแล้ว พอแม่กลับมาด้วยความเหนื่อยล้า อยากจะพักผ่อนแล้ว แต่ก็ยังพักไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ทำอาหารให้ลูกและสามีกิน ก็เลยทำอาหารให้ แม่ได้ทอดปลาทูให้กับทุกคน บนโต๊ะมีปลาทูไหม้เกรียม

ตัวผมเองก็รอดูว่าแต่ละคนนั้นจะทำอย่างไร จะพูดอย่างไรกับปลาทูตัวนี้

แต่พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร แถมตั้งหน้าตั้งตากินปลาทูไหม้ตัวนั้นซะอีก แถมยังหันมาถามกับผมอีกว่าที่โรงเรียนในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ในคืนนั้นหลังจากที่ได้กินอาหารเสร็จ ผมจำได้เลยว่าผมได้ยินแม่ขอโทษที่ทอดปลาทูไหม้ให้กับพ่อกิน และผมก็ไม่เคยลืมคำพูดที่พ่อพูดกับแม่เลยในวันนั้น

“โอ๊ยแค่นี้เอง พ่อชอบกินปลาทูทอดเกรียมๆ อร่อยมากเลยนะแม่”

ในคืนต่อมาผมก็เกิดคำถามขึ้นในใจ ก่อนนอนผมก็ได้ถามกับพ่อว่า

“พ่อครับจริงๆแล้วพ่อชอบปลาทูเกรียมๆแบบนั้นจริงๆหรอ”

พ่อก็ยิ้มแล้วก็ลูบหัวผมด้วยความอ่อนโยน แล้วก็พูดออกมาว่า

“แม่ของลูกนั้นทำงานเหนื่อยและหนักมาตลอดทั้งวันแล้ว ก็แค่ปลาทูไหม้แค่ตัวเดียวแค่นี้เอง แค่นี้ไม่ได้ไปทำร้ายใครหรอก ไม่ต้องไปพูดให้ใจของแม่นั้นขุ่นมัวหรอก มันจะกลายเป็นคําพูดต่อว่าที่ทำร้ายน้ำใจกันเปล่าๆ”

ชีวิตของคนเรานั้นเต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งแต่ละคนนั้นก็เกิดมาไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ตัวเราเองก็ไม่ได้มีดีอะไรไปมากกว่าคนอื่น

แต่สิ่งที่พ่อได้เรียนรู้ในช่วงชีวิตนี้ก็คือ การได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาด ของตัวเองและคนอื่น และเลือกที่จะยินดีกับความคิดแตกต่างของกันและกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ จะต้องรักษาน้ำจิตน้ำใจ รักษาครอบครัว แค่นี้ก็สามารถทำให้มีความสุขและใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาว

“ชีวิตของเรานั้นช่างสั้นเหลือเกิน เกินกว่าที่จะตื่นมาพร้อมกับความเสียใจ หากวันใดวันหนึ่งเราทำผิดพลาดอะไรไป ก็แค่ตื่นขึ้นมาทะนุถนอมน้ำใจกัน พยายามทำความเข้าใจ ให้อภัยกันจะดีกว่า”

ถ้าหากเรารู้สิ่งเหล่านี้เรายังจะทำอยู่ไหม

ถ้ามีอยู่วันหนึ่งเราบีบแตรใส่คนที่กำลังยืนยึกยักอยู่กลางถนน ในแยกที่ติดไฟแดง ถ้าเรารู้ว่าเขาใส่ขาเทียม เรายังจะบีบแตรใส่เขาอยู่ไหม

ถ้ามีอยู่วันหนึ่งเราเดินเบียดเดินชนที่เขาเดินช้ามากๆ แล้วเรามารู้ทีหลังว่าเขาเพิ่งจะตกงาน เรายังจะอารมณ์ร้อนอยู่ไหม

ถ้าในวันนี้เราหัวเราะคนที่แต่งตัวเชย แล้วเรารู้ว่าเขามีชุดเก่งเพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น เรายังจะทำอยู่อีกไหม

ถ้าหากเราดูถูกคนที่ทำงานโรงงาน แล้วเขามาเดินห้างดัง เราจะนินทาเขาไหมถ้าเรารู้ว่านี่คือการฉลองวันเกิดของเขา

เราจะรำคาญและหมั่นไส้ลุงแก่ๆที่หัวเราะเสียงดังคนนั้นไหม ถ้าเรารู้ว่าเขาจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกแค่ 1 เดือนสุดท้าย

ชีวิตของคนเรานั้นรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่าชีวิตของเรากำลังเจอกับอะไร แต่เราไม่มีวันรู้เลยว่า “คนที่เราเจอเขากำลังคิดกำลังทำอะไร”

โลกใบนี้มันกว้างขวางยิ่งนัก และโลกมันก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเราเอง หัดมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆไปบ้าง ให้โอกาสให้อภัย ให้ความเข้าใจซึ่งกันและกัน เราจะได้รักและอยู่ร่วมกันได้อย่างยืนนาน

สำหรับในวันนี้ผมขอขอบพระคุณคุณผู้อ่านทุกคน ที่อ่านบทความนี้จนจบ เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วดี อยากจะให้แบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้อื่นอ่านกันด้วย ขอให้พบเจอแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตด้วยกันทุกๆคน

เขียน / เรียบเรียงโดย : Postsara

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here