อย่าเลื่อนไปเลย ใครเคยมีประสบการณ์สร้างตัวจากยากจน จนมีฐานะร่ำรวยบ้างครับ

0

อย่าเลื่อนไปเลย ใครเคยมีประสบการณ์สร้างตัวจากยากจน จนมีฐานะร่ำรวยบ้างครับ

เพื่อนๆใครเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างเนื้อสร้างตัวจากยากจน จนปัจจุบันนี้มีฐานะปานกลางหรือฐานะระดับร่ำรวยกันบ้างครับ

จนในที่นี้หมายความว่า เงินทองไม่พอใช้จ่ายในแต่ละเดือนเลย

ฐานะปานกลางในที่นี้หมายความว่า มีทรัพย์สินถึง 3 ล้านบาทขึ้นไปครับ แล้วรายรับรายจ่ายก็สมดุลกัน ไม่มีหนี้ไม่มีสิน

รวยหมายถึง มีทรัพย์สิน 20 ล้านขึ้นไปครับ

อยากจะให้ช่วยแชร์ประสบการณ์ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์มากๆกับคนที่คิดกำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัวครับ

ความคิดเห็นจากผู้อื่น

ความคิดเห็นที่ 1

ผม พ่อแม่มีลูก7คน ลำพังจะหาเงินให้ลูกกิน ครบทุกมื้อก็เหนื่อยแทบขาดใจแล้ว ตอนเด็กๆผมไม่เคยได้กินข้าวเช้าเลย อาหารมื้อเช้าผมคือปาตั้งโก๋1ตัว กับ ชานมร้อน ครึ่งแก้ว ข้าวกลางวันถ้าปีไหนได้ทุนก็กินฟรี ที่ไม่มีทุนก็ตอนบ่ายไปกินน้ำประปาที่อ่างล้างมือโรงเรียน ผมจำกลิ่นสนิมในน้ำได้ขึ้นใจเพราะท้องว่างๆแล้วกินน้ำประปากลิ่นมันขึ้นจมูกมาก มื้อเย็นไปเนียนตามบ้านเพื่อน รอเค้ากินข้าวเย็นแล้วชวนเรากินด้วย จนป6ได้ไปขายน้ำเครื่องดื่มชูกำลังสนามมวยลุมพินี ทำให้พอมีเงินเก็บบ้าง แต่นั่นทำให้เด็กอายุ11 นอนตอนเที่ยงคืนตื่น6โมงไปเรียน ก็พอเอาตัวรอดมาได้ จนเรียนปวช.จบที่บ้านไม่มีเงินส่ง เรียนปวส.เลยเอาเงินเก็บ2000ไปดาวน์มอเตอร์ไซต์มือ2 มาวิ่งรับจ้าง ส่งตัวเอง จนจบป.ตรี หางานทำ จนปัจจุบัน มีบ้านเป็นของตัวเอง 3หลัง มีเงินนอนในธนาคารพอสมควร จากที่เคยอาศัยใต้ถุนบ้านเค้านอน วันนี้ผมว่ามาได้ไกลจากจุดนั่นมากแล้ว

ความคิดเห็นที่ 2

เอาเป็นเริ่มจากการเรียน ม.4 ก็ต้องกู้เงิน กยศ เรียนแล้วค่ะ ที่บ้านเคยพอจะมี จนวันนึงมันไม่มี เราก็รับจ้างครูรีดเสื้อผ้า จนจบ ม.6 เราสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นคนแรกของหมู่บ้านเลยค่ะสมัยนั้น ได้เข้ามาเรียนในเชียงใหม่ เราก็กู้เงิน กยศ เรียนต่อเรื่อยมา เริ่มทำงานเองจริงจังตั้งแต่อยู่ ปี 2 ไม่เคยขอเงินที่บ้านสักบาทเดียว(เพราะที่บ้านก็ไม่มีให้ขอค่ะ) เราเรียนจบครู ได้มีโอกาสสอนหนังสือตามที่หวังไว้ ใน มช นั่นแหละค่ะ เงินเดือน 7,940 บาท เป็นโอกาสดีๆที่หลายๆคนอยากมี แต่ไม่มี เราทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด สอนที่โรงเรียนเสร็จต้องสอนพิเศษต่อ สอนเสร็จสองทุ่ม เป็นแบบนี้มาตลอดเกือบ 3 ปี เหนื่อยมาก เงินเดือน 8,000 บาท สอนพิเศษ 20,000++

แต่ลองคิดดูเราเด็กบ้านนอก ต้องเช่าหอพัก ขี่มอไซค์ ค่าใช้จ่ายเยอะพอประมาณ ถ้าสอนไปแบบนี้ อยู่ได้แต่ไม่รวย ไม่มีทางสบาย เราก็พลิกชีวิตตัวเอง ลาออกมาทำธุรกิจ พูดซะหรู ค้าขายค่ะ เปิดร้านกาแฟเล็กๆ งบสองหมื่นกว่าบาท สอนพิเศษไปด้วย แต่ก็ยังไม่ใช่ทางที่จะรวยได้นะคะ จนปัจจุบันเราทำไอติมโฮมเมด ขายปลีก ส่ง ขายเฟรนไชส์ ยอดหลักแสนต่อเดือน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ยังผ่อนอยู่ แต่เรามองว่าในอนาคตอันใกล้ เราก็คงขยับฐานะหลุดจากความยากจน ไปสู่ปานกลางได้เร็วๆนี้ค่ะ ถ้าปานกลางของคุณคือหมดหนี้สินนะคะ รออีกแปป เราก็คงไปจุดนั้นได้ เราเชื่อว่าคนที่เกิดมาจนทุกคนรวยได้ อยู่ที่ความพยายาม ขยัน อดทน วันนี้เรามองว่าเราทำทุกอย่างจนเลยจุดที่ไม่มีเงินติดบัญชี จนปัจจุบันเรามีธุรกิจเป็นของตัวเอง ขยายไปได้หลายจังหวัด เราก็ภูมิใจในตัวเองค่ะ เราไม่ได้อยากเป็นคนรวยแบบมี 20 ล้านนะคะ เราแค่หมดหนี้สิน มีบ้าน รถ ไม่ต้องผ่อนแล้ว เราโอเคแล้วค่ะ ที่เหลือคือกำไรชีวิตแล้ว เราขอแค่มีเงินกินใช้ ได้เที่ยว สุขภาพแข็งแรง แค่นั้นพอค่

ความคิดเห็นที่ 3

ขอเล่าเรื่องพ่อเรานะคะ

ตอนเด็กๆพ่อเราค่อนข้างลำบาก ปู่เป็นข้าราชการที่ตงฉิน ย่าทำขนมขาย แต่ด้วยความที่ลูก 6 คน ถึงจะไม่อดมื้อกินมื้อ แต่ก็ถือว่าลำบากมาก พ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยประถม-มัธยม จะโดนแทบตีทุกวัน เพราะปู่ไม่มีเงินซื้อถุงเท้ากับรองเท้านักเรียน จะไม่โดนตีก็ต่อเมื่อ พี่ๆของพ่อ หยุดเรียน พ่อถึงได้เอารองเท้ากับถุงเท้าของพี่มาใส่ (พ่อเป็นลูกคนที่ 5 คือลูกชายคนสุดท้อง เพราะอาคนที่ 6 เป็นผู้หญิง) แต่ถ้าเป็นวันพฤหัส พ่อบอกว่าจะแอบร้องไห้ทุกครั้ง เพราะจะโดนตีมากกว่าเดิม เพราะไม่มีชุดลูกเสือใส่ ด้วยความที่เรียนไม่เก่งมาก เลยสอบทุนอะไรไม่ได้เลย ก็ต้องยอมโดนตีไป

จนจบมัธยม พ่อก็เรียนต่อสายอาชีพและหาเงินเรียนเอง ไม่ขอปู่กับย่าแล้ว เวลาเลิกเรียนเสร็จพ่อจะไปทำงานตามร้านอาหาร เสิร์ฟบ้าง ช่วยกุ๊กบ้าง ถ้าร้านมีงานโต๊ะจีน พ่อจะได้เงินเยอะหน่อย แต่เสิร์ฟเสร็จมือพอง มือบวม ทุกครั้ง เพราะอาหารร้อนและหนัก แต่ก็รายได้ดีกว่าเสิร์ฟธรรมดา (แต่พ่อก็วิชาจากกุ๊กต่างๆมา เรียกว่ามีพรสวรรค์ ชิมอะไรก็ทำเลียนแบบได้เลย) พ่อชอบเล่าให้ฟังว่า ตอนเสิร์ฟโต๊ะจีนจะหิวมาก เวลาเก็บจานแล้วมีอาหารเหลือ ก็จะแอบกินซึ่งจะมีความสุขทุกครั้งเพราะได้ทานแต่อาหารดีๆ

หลังจากจบ ปวส. พ่อเรียนอย่างหนัก อ่านหนังสือเยอะมาก เพื่อให้สอบราชการได้ ซึ่งตอนนั้นพ่อมีลูกคนแรก ซึ่งก็คือเรา พ่อบอกแม่ว่า ให้ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก พ่อไม่อยากให้ใครมาเลี้ยงลูกแทน แล้วพ่อจะเป็นคนหาเงินเอง ช่วงแรก ครอบครัวเรา 3 คนพ่อแม่ลูก อาศัยแฟลตของตา ซึ่งมีพี่น้องแม่อยู่ 3-4 คน อาศัยอยู่ด้วย ซึ่งก็อึดอัดพอสมควร ตอนนั้นเราจำได้ว่า ทุกครั้งที่เราตื่นมากลางดึก ตี 2 บ้าง ตี 3 บ้าง ก็จะเห็นพ่อนั่งเขียนแบบบ้าน ทำงานหาเงินเพื่อให้ลูกเมียได้สบาย เห็นแบบนั้นจนชินตา

มีอยู่ครั้งนึง พ่อ แม่ เรา ไปห้าง ขากลับพ่ออุ้มเราขึ้นรถเมล์ ด้วยความที่รถเมล์แน่น ทำให้แม่ขึ้นไม่ทัน พอกลับมาบ้าน พ่อบอกว่าไม่ต้องขึ้นรถเมล์แล้ว จะเอาเงินเก็บทั้งหมดไปดาวน์รถมือสอง แล้วพ่อก็ทำแบบนั้นจริงๆ

หลังจากนั้นอีก 4-5 ปี พ่อทำงานหนักจนซื้อบ้านทาวเฮาส์ได้ และชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่ามีเงินทองใช้ไม่ขัดสน และพ่อก็มีธุรกิจก่อสร้างเป็นของตัวเอง ทำให้รายได้ต่อเดือนดีมาก จนมีลูกคนที่สอง พ่อก็ขยับขยาย ซื้อบ้านเดี่ยวหลังละหลายล้านได้ มีเงินฝาก 8 หลัก ลูกๆไม่เคยลำบากแม้แต่น้อย

พ่อเคยพูดกับแม่ว่า ความจนตอนเด็กมันทำให้เค้าเจ็บปวด แต่ลูกๆของเค้า ต้องไม่เป็นอย่างที่เค้าเคยเป็น

แม่เคยคุยอดีตกับพ่อ สมัยยังลำบากด้วยกัน เสิร์ฟอาหารด้วยกันมา พ่อพูดกับแม่ว่า จากเด็กที่ไม่มีแม้แต่ถุงเท้ารองเท้าใส่ ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกัน วันที่มีบ้านหลังใหญ่ มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ใช้เงินสดซื้อรถราคาหลายล้านได้ ถึงแม้ว่าไม่ได้รวยขั้นมหาเศรษฐี แต่ก็มีไม่น้อยหน้าใคร พ่อบอกว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของชีวิตเค้าเลยทีเดียว

สำหรับเรา เราคิดว่าชีวิตพ่อไม่มหัศจรรย์หรอก แต่ตัวพ่อมากกว่า ที่สร้างความมหัศจรรย์นั้นขึ้นมาด้วยมือของเค้าเอง

ความคิดเห็นที่ 4

ผมอยากฟังเรื่องราวที่ผ่านมาของคุณ เล่าให้ผมอ่านหน่อยได้ไหมครับ

เรียบเรียงโดย : Postsara

ขอขอบคุณ : pantip, yoshisune111

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here