หลังวัย 50 ปี จงใช้ชีวิตอยู่อย่างคนเข้มแข็งนะ

0

หลังวัย 50 ปี จงใช้ชีวิตอยู่อย่างคนเข้มแข็งนะ

ชีวิตของคนเราต่างมีความแตกต่าง แตกต่างในด้านของความคิด การใช้ชีวิต คำพูด การกระทำ เป้าหมาย แต่พอเมื่อถึงวัยที่เราควรที่จะต้องปล่อยวางลงเสียบ้าง รักตัวเองเสียบ้าง ทำให้ตัวเองมีความสุขในทุกวัน ไม่ยากอย่างที่คิดเลย

คนเรานั้นเมื่อมีอายุที่มากขึ้น ชีวิตย่อมมีความไม่แน่นอน

อย่าไปมัวคิด กังวลกับเรื่องราวต่างๆ หากคุณจากไป จะเกิดอะไรขึ้น

เพราะเมื่อกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว

ใครเขาจะยกย่องชื่นชม

หรือตำหนิประณามตัวคุณอย่างไร

คุณจะไปรู้สึกรู้สาอะไรได้

ลูกของคุณ ที่เลี้ยงดูมานั้นเขาจะมีชีวิตอย่างไร

ก็อย่าไปเป็นห่วงเขานัก

พวกเขาก็ต่างที่จะมีจุดมุ่งหมาย เป้าหมายในชีวิตของเขา

และมีหนทางในการเดินของตัวเอง

เมื่อคุณได้จากไปแล้ว

คุณยังไม่เลิกเป็นทาสของลูกอีกหรอ?

อย่าคาดหวังอะไรมากจากเด็กๆ

ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใคร

ไว้คอยดูแลคุณยามแก่เฒ่า

เขาก็ต้องวุ่นวายกับการงานของเขา

และภาระผูกพัน หน้าที่ต่างๆ

เกินกว่าจะมีเวลามาช่วยเหลือ คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

หรือแม้แต่ลูกจริงๆ นั้น

ก็อาจจะกำลังทะเลาะกันอยู่

เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติของคุณอยู่

ทั้งๆที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ได้

ดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะแค่แอบภาวนา

ให้คุณอย่าใช้เงินให้มาก

และรีบจากไปเสียเร็วๆ

อย่างนี้ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป

คุณไม่รู้หรอกหรือว่า

บรรดาลูกๆ เขาถือว่าทรัพย์สมบัติของคุณ

เป็นสิทธิ์ขาดของเขาไปแล้ว

คุณจึงไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอะไรได้เลย

ในเงินที่เป็นของเขา…เข้าใจไหม?

คนอายุเกิน ๕๐ อย่างคุณ

ต้องเลิกเอาสุขภาพของคุณที่มี

ไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว

มีเงินมากมายเท่าไร ก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้

คุณตอบได้ไหมว่า จะหยุดหาเงินเมื่อใด

เท่าไหร่คุณถึงจะบอกว่า พอแล้ว

ร้อย พัน หมื่น ล้าน สิบล้าน พอรึยังไม่ทราบ ?

ต่อให้คุณมีไร่นานับเป็นพันไร่

คุณก็กินข้าวได้แค่วันละสามจานเท่านั้น

แม้นมีคฤหาสน์นับพันหลัง

คุณก็ต้องการพื้นที่หลับนอนยามค่ำคืน ก็เท่านั้น

ดังนั้น..ตราบใดที่คุณยังมี

ข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ อย่างอิ่มท้อง

มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวันของชีวิต

เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้วล่ะ

อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่างเป็นสุข

ปล่อยวางเรื่องราวต่างๆไปเสียบ้าง

อย่าเก็บมาคิดให้เป็นทุกข์

ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง

อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งดีกัน

ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม

หรือความก้าวหน้าของเด็กๆ

สิ่งที่ควรจะแข่งกันทำกันจริงๆ นั้น

คือ “แข่งกันมีความสุข”

แข่งกันมี “สุขภาพดีและอายุยืนนาน”

ส่วนอะไร ที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้

ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการ

และทำลายสุขภาพตัวเองเลย

อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลย

หลัง ๕๐ แล้วอย่างนี้

คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเอง

ที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ดีๆ

และสุขสดใสขึ้นมาให้ได้

ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดี

คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เป็นสุข

ทำอะไรก็สุขสนุกกับมันอยู่ทุกวัน

นั่นก็หมายความว่า

คุณได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว

ทุกวันวานที่ผ่านไป

คุณจะสูญเสียไป ๑ วัน

แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข

วันนั้นคือกำไรชัดๆ เลย

จิตใจที่ดีจะช่วยรักษาโรคภัยได้

ถ้าจิตใจเป็นสุขโรคก็จะหายเร็วขึ้น

แต่ถ้าจิตใจทั้งดี ทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็

ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้

ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ

ออกกำลังกายให้เพียงพอ

อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่

ได้วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ

เพียงเท่านี้ก็เชื่อได้แน่นอนว่า

ชีวิตที่เป็นสุข อีก ๒๐ หรือ ๓๐ ปี

จะเป็นของคุณแน่นอน

เหนือสิ่งอื่นใด…

คุณต้องรู้จักบ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ

จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ

เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้คุณ

รู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายอยู่เสมอ

ขาดพวกเขาเมื่อใด…คุณจะต้องรู้สึก

สูญเสียอย่างแน่นอนครับ…

เมื่อได้อ่านแล้วเห็น “เฉลียงชีวิต” ในวัยชรากันบ้างไหม?

ก็ต้องขอบคุณทั้งเจ้าของความคิด

ผู้เผยแพร่ และทั้งผู้ส่งให้ผมอ่าน

ก็อยากบอกว่า….อายุเราเลือกไม่ได้ก็จริง

แต่ชีวิตแต่ละช่วงชีวิต เราเลือกได้เอง…

ขอบคุณข้อมูลจาก : rugyim

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here