ใครกินบ่อยๆ รู้เอาไว้ ร่างกายจะเปลี่ยนไป
ขนุนเป็นหนึ่งในผลไม้ที่หลายๆคนมักคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี และรู้จักกันเป็นอย่างดี หลายๆบ้านมักมีต้นขนุนปลูกตามบ้าน หากินได้ง่าย อีกทั้งยังหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป มีราคาที่ไม่แพงมากนัก แต่หลายๆคนยังคงไม่รู้ว่าประโยชน์ของขนุนนั้นมีมากน้อยเพียงใด ละในวันนี้เราได้มีประโยชน์จากการกินขนุน ที่เชื่อว่าพิเศษมากๆต่อร่างกายของเรา เพราะสามารถต้านโรคมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี เรามาดูสรรพคุณที่ดีของขนุนกันเลย
ขนุนใช้ในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างไร ?
ขนุนมีสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพมากดังต่อไปนี้
– ไฟโตนิวเทรียนท์ phytonutrients
– ลิกแนน lignans
– ไอโซฟลาโวน isoflavones
– ซาโปนิน saponins
สารเหล่านี้ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระที่ก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ดังนี้
ไอโซฟลาโวน และลิกแนน
สารเหล่านี้สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก การศึกษาวิจัยในปี 2006 ได้ดำเนินการทดสอบกับผู้หญิงจำนวน 500 คน ได้แยกผู้หญิงออกหนึ่งกลุ่มที่ได้ รับสารลิกแนนจากขนุน และผลที่ออกมามันช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการมะเร็งของพวกเขาได้ เมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่ไม่ได้สารชนิดนี้ ผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
ไฟโตนิวเทรียนท์
สารชนิดนี้เป็นสารที่พบในขนุนช่วยยับยั่งการเกิดโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น
ซาโปนิน
มีสารแอนตี้มะเร็งที่พบในขนุนสามารถลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สารชนิดนี้ทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ประโยชน์ของขนุน
– สามารถป้องกันเซลล์ดีเอ็นเอ ในขณะนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถปกป้องเซลล์ DNA ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของเราได้
– ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันๆ ในขนุนอุดมไปด้วยวิตามินซีต่างๆที่ช่วยกระตุ้นให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของเรานั้นช่วยทำงานให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติและได้ผลดี
– ช่วยระบบย่อยอาหาร ขนุนช่วยบรรเทาในเรื่องของระบบทางเดินอาหารเช่นอาการท้องผูกอาหารไม่ย่อยจุกเสียดท้องเพราะในขณะนั้นอุดมไปด้วยไฟเบอร์และยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลทางโภชนาการของขนุน
– ขนุนมีปริมาณคอเรสตอรอลและโซเดียมต่ำ
– ขนุนหนึ่งถ้วยมีปริมาน 155 แคลอรี่ และมีไขมันเพียง 4 แคลอรี่
– ในขนุนหนึ่งถ้วยช่วยเพิ่มไฟเบอร์ให้คุณถึง 11%
– ขนุนประกอบด้วยน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณ
– ขนุนอุดมไปด้วยเซเลเนียม สังกะสี ทองแดง แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และแมงกานีส
– นอกจากนี้ยังมีระดับโฟเลตสูง ไนอาซิน วิตามินบี ไรโบเฟลวิน วิตามินเอและซี
ขอบคุณข้อมูลจาก : timefornaturalhealthcare , rak-sukapap