ความหมายบทสวดอิติปิโส บทสวดเสริมดวง ต่อดวงชะตา ตัดกรรม

0

ความหมายบทสวดอิติปิโส บทสวดเสริมดวง ต่อดวงชะตา ตัดกรรม

การสวดมนต์ เป็นสิ่งที่ทำกันมาตั้งแต่ในยุคของสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน เราจะสังเกตได้ว่าคนที่มีอายุมากกว่าเรามักจะแนะนำให้เรานั้นหมั่นสวดมนต์เป็นประจำ เพราะในการสวดมนต์นั้นเป็นการสร้างนิสัยจะสามารถช่วยทำให้เรามีจิตใจที่ร่มเย็น เป็นการสร้างบุญสร้างกุศลที่เราสามารถทำได้เองได้ง่ายๆ

เปิดความหมายบทสวดมนต์อิติปิโส เป็นบทสวดมนต์หนึ่งที่ดีมากๆ หากใครไม่ค่อยมีเวลามากนัก ก็ให้สวดมนต์บทนี้บทเดียวทุกคืนก่อนนอน ความเชื่อของการสวดมนต์บทบทสวดมนต์อิติปิโสนั้น ว่าด้วยช่วยในเรื่องของการพ้นจากความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ จะช่วยให้เราจิตใจที่สงบนิ่ง รับรู้ถึงธรรมชาติของชีวิต หากเรา สวดบทอิติปิโสเท่าอายุ หรือสวดบทอิติปิโสเท่าอายุ+1 (เช่น อายุ 20 ปี ให้สวด 21 รอบ) จะช่วยเป็นการต่อดวงชะตาให้ยืนยาว ป้องกันภูติผีปีศาจ แคล้วคลาดจากโรคภัยต่างๆทั้งปวง และอุบัติเหตุต่างๆทำให้เรามีจิตใจเข้มแข็ง ปัญญาดี นอนหลับสบาย

สำหรับการสวดอิติปิโสเท่าอายุ ผู้สวดจะต้องสวด นะโม 3 จบ ก่อนจะเริ่มทำการ สวดอิติปิโสเท่าอายุ โดยให้สวดเกินอายุ 1 จบ

อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

1. อิ. อิฏโฐ สัพพัญญุตัญญานัง อิจฉันโต อาสะวักขะยัง

อิฏฐัง ธัมมัง อะนุปปัตโต อิทธิมันตัง นะมามิหัง

(อิ แปลว่า จงหมั่นภาวนา ป้องกันศัสตรา ห่อนต้องอินทรีย์ ทำใหเแคล้วคลาด นิราศไพรี สิริย่อมมี แก่ผู้ภาวนา)

2. ติ.ติณโณ โย วัฏฏะทุกขัมหา ติณณัง โลกานะมุมตะโม

ติสโส ภูมี อะติกกันโต ติณณะโอฆัง นะมามิหัง

(ติ แปลว่า ถึงบทนี้ไซร้ หมั่นภาวนาไว้ กันภัยนานา ภู)

3. ปิ. ปิโย เทวะมะนุสสานัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม

ปิโย นาคะสุปัณณานัง ปิณินทริยัง นะมามิหัง

(ปิ แปล ภาวนานึก สติตรองตรึก อย่าทำใจร้อน สารพัดเมตตา อย่าได้อาวรณ์ ครูแต่เก่าก่อน เคยได้ใช้มา)

4.โส. โสกา วิรัตตะจิตโต โย โสภะนาโม สะเทวะเก

โสกัปปัตเต ปะโมเทนโต โสภะวัณณัง นะมามิหัง

(โส แปล ภาวนาทุกวัน ตามกำลังวัน ป้องกันอันตราย ทุกข์ภัยพิบัติ สารพัดเหล่าร้ายศัตรูทั้งหลาย แคล้วคลาดห่างไกล)

5. ภะ. ภะชิตา เยนะ สัทธัมมา ภัคคะปาเปนะ ตาทินา

ภะยะสัตเต ปะหาเสนโต ภะยะสันตัง นะมามิหัง

(ภะ แปล จงภาวนา กันโรคโรคา ไข้เจ็บทั้งหลาย ศัตรูมุ่งมาด มิอาจทำได้ พินาศยับไปด้วยพระคาถา)

6. คะ. คะมิโต เยนะ สัทธัมโม คะมาปิโต สะเทวะกัง

คัจฉะมาโน สิวัง รัมมัง คะตะธัมมัง นะมามิหัง

(คะ แปล ถ้าหมั่นภาวนา โรคภัยโรคา ไม่มาย่ำยี จะค่อยบรรเทา หากโรคเก่ามี มิช้ากายี สิ้นทุกข์สุขา)

7. วา. วานา นิกขะมิ โย ตัณหา วาจัง ภาสะติ อุตตะมัง

วานะ นิพพาปะ นัตถายะ วายะมันตัง นะมามิหัง

(วา แปล บทนี้ดีล้ำ ภาวนาซ้ำๆ ป้องกันศัตรู เหล่าโจรอาธรรม์ พากันหนีอู้ ไม่คิดต่อสู้ออกได้หายไป)

8. อะ. อะนัสสา สะกะสัตตานัง อัสสาสัง เทติ โย ชิโน

อะนันตะคุณะสัมปันโน อันตะคามิง นะมามิหัง

(อะ แปล ให้ภาวนา กันเสือช้างมา ทำร้ายรบกวน เป็นมหาจังงัง สิ้นทั้งชบวนจระเข้ประมวล สัตว์ร้ายนานา)

9. ระ. ระโต นิพพานะสัมปัตเต ระโต โย สัตตะโมจะเน

รัมมาเปตีธะ สัตเต โย ระณะจัตตัง นะมามิหัง

(ระ แปล ภาวนาไว้ คุณคนคุณไสย สารพัดพาลา ใช้ป้องกันได้ มิให้เข้ามาถูกต้องกายา พินาศสูญไป)

10. หัง. หัญญะติ ปาปะเก ธัมเม หังสาเปติ ปะรัง ชะนัง

หังสะมานัง มะหาวีรัง หันตะปาปัง นะมามิหัง

(หัง แปล ให้ภาวนา ในเมื่อเวลา เข้าสู่สงคราม ข้าศึกศัตรู ใจหู่ครั่นคร้ามไม่คิดพยายาม ทำร้ายเราแล)

11. สัม. สังขะตาสังขะเต ธัมเม สัมมา เทเสสิ ปาณินัง

สังสารัง สังวิฆ าเฏติ สัมพุทธันตัง นะมามิหัง

(สัม แปล ภาวนาตรึก ช่างดีพิลึก ท่านให้รำพัน เมื่อจะเข้าสู่ เหล่าศัตรูสรรพหมดสิ้นด้วยกัน พ่ายแพ้ฤทธิ์)

12. มา. มาตาวะ ปาลิโต สัตเต มานะถัทเธ ปะมัททิโต

มานิโต เทวะสังเฆหิ มานะฆ าฏัง นะมามิหัง

(มา แปล ภาวนาไว้ ถ้าหมั่นเสกไซร้ ทุกวันยิ่งดี แก้คนใจแข็ง มานะแรงมีใจอ่อนทันที ไม่เย่อไม่หยิ่ง)

13. สัม. สัญจะยัง ปาระมี สัมมา สัญจิตะวา สุขะมัตตะโน

สังขารานัง ขะยัง ทิสวา สันตะคามิง นะมามิหัง

(สัม แปล สำหรับบทนี้ ตำรับกล่าวชี้ ว่าดีจริงจริง สำหรับเสกยา ปัญญาดียิ่งสุดจะหาสิ่ง ใดมาเปรียบปาน)

14. พุท. พุชฌิตวา จะตุสัจจานิ พุชฌาเปติ มะหาชะนัง

พุชฌาเปนตัง สิวัง มัคคัง พุทธะเสฏฐัง นะมามิหัง

(พุท แปล ภาวนาไป เสนียดจัญไร มิได้พ้องพาน อุปสรรคไรไร ก็ไม่คะคานแสนจะสำราญ ให้หมั่นภาวนา)

15. โธ. โธติ ราเค จะ โทเส จะ โธติ โมเห จะ ปาณินัง

โธตะเกลสัง มะหาปุญญัง โธตาสะวัง นะมามิหัง

(โธ แปล ภาวนาไว้ กันเสือช้างได้ ทั้งสุนัขหมา ใช้ป้องกันภัย สัตว์ร้ายนานาไม่อาจเข้ามาย่ำยีบาทา)

บทสวดอิติปิโสฯนั้น ไม่ใช่ใครประพันธ์ขึ้นโดยเฉพาะ แต่เป็นการถอดแบบจากพุทธพจน์โดยตรง เมื่อใดอ้างอิงพุทธพจน์ เมื่อนั้นคุณกำลังอ้างความจริงอันเป็นสัจจะ การอ้างสัจจะความจริงอันเป็นมงคลสูงสุดย่อมบังเกิดผลไพบูลย์สูงสุดไปด้วย สิ่งที่ทุกคนประจักษ์ตรงกันเมื่อสวดหลายๆจบ คือความรู้สึกสว่าง อบอุ่นทางใจ และเหมือนมีความศักดิ์สิทธิ์บังเกิดขึ้นรอบตัวของเรา แม้คนไม่ทราบคำแปลเลยก็จะเกิดประสบการณ์เดียวกัน แต่ถ้าทราบคำแปลด้วยก็จะยิ่งบังเกิดความเลื่อมใสและมีความแน่วแน่ยิ่งๆขึ้น

ขอให้ทุกท่านลองดูเถิด ขึ้นชื่อว่าเป็นบทสวดแล้วย่อมดีต่อตัวเรามากๆ ช่วยสร้างแสงสว่างทางใจ ช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปในชีวิตของเราให้คงเหลือแต่สิ่งที่ดี การหมั่นสร้างคุณความดีนั้น ความดีเหล่านั้นจะอยู่ติดตัวของเราไปจนวันสุดท้ายของชีวิตเรา

ขอบคุณข้อมูลจาก : share-si

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here