ก็แค่”หัวโขน”อย่ายึดติด ขับวินมอเตอร์ไซค์ ช่วยคนลำบากกว่า 20 ปี

0

ก็แค่”หัวโขน”อย่ายึดติด ขับวินมอเตอร์ไซค์ ช่วยคนลำบากกว่า 20 ปี

เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่เรียกว่าเป็นเรื่องที่น่ายกย่องและน่าชื่นชมอย่างมาก ตำรวจนับว่าเป็นอาชีพที่มีความเกี่ยวข้อง และอยู่ใกล้กับประชาชนมากที่สุด หน้าที่ของเขานั้นบำบัดความทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนทั้งหลาย คอยดูแลและบังคับให้ใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคมบ้านเรา

เรื่องราวที่เรานำเสนอในวันนี้ เชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชมในแนวความคิดของเขา และการใช้ชีวิตของตำรวจท่านหนึ่งจากผู้กำกับยศ พ.ต.อ. กลายมาเป็นคนขับรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างท่านคือ พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ พบศิลา หรือเรียกว่า ลุงอู๊ด เขามีอายุ 62 ปี อดีตตำรวจเมืองชลบุรี เขาได้มีอาชีพเสริมหลังอายุเกษียณมาขับขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหมายเลข 16 ประจำที่ปากทางเข้าศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 2 จังหวัดชลบุรี เรามาอ่านเรื่องราวที่น่าประทับใจของเขาก็เลยค่ะ

พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ เล่าย้อนประวัติส่วนตัวให้ฟังว่า จบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจภูธร 2 ชลบุรี ปี 2519 รับราชการตำรวจมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีก็สอบเลื่อนชั้นขึ้นเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร สมรสกับนางลำไพ พบศิลา หรือเจ๊กุ้ง อายุ 57 ปี มีบุตร 3 คน เป็นชาย 1 หญิง 2 ปี 58 เลือกเกษียณอายุราชการก่อนเวลาในตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ สถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี ยศ พ.ต.ท. และได้รับบำเหน็จโดยการเชิดชูเกียรติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่มยศให้อีก 1 ชั้น เป็น พ.ต.อ.

“จุดเริ่มต้นการมาขี่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างเกิดจากครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน อดีตลุงเป็นเพียงตำรวจชั้นผู้น้อย ขณะนั้นติดยศสิบตำรวจโทได้เงินเดือนน้อยไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จึงปรึกษากับภรรยาว่าต้องหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัว จึงตัดสินใจกับภรรยาว่าเราทั้งคู่จะขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นอาชีพเสริม เนื่องจากอาชีพนี้มีเวลาดูแลลูก ๆ ได้อย่างเต็มที่ และเป็นการหารายได้เสริมที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร และไม่ต้องกระทำในสิ่งที่ตำรวจไม่ควรกระทำ ขี่มาเรื่อยกว่า 20 ปี ตอนนี้ออกจากตำรวจแล้วก็ยังมาขี่วินฯแบบเต็มเวลา”

“ลุงอู๊ด” บอกต่อว่า ตลอดเวลา 20 ปีที่ขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ไม่เคยแสดงตัวหรือบอกใครเลยว่าเป็นตำรวจ นอกจากมีเหตุจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เช่น ระหว่างขับขี่ไปเจอเหตุทะเลาะวิวาทจึงจะแสดงตัวเข้าห้ามปรามช่วยระงับเหตุ หรือบ่อยครั้งที่มีประชาชนเดินทางมาจากต่างจังหวัดแล้วไม่มีที่พักนั่งริมทางเพื่อเดินทางต่อรอรถหรือรอญาติมารับในยามค่ำคืนก็จะให้ความช่วยเหลือชวนไปนอนพักที่บ้าน

หากประชาชนไม่ไว้ใจจึงจะแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ ไม่ต้องกลัวไปนอนหลบฝนหลบยุงที่บ้านได้ ทำมาตลอดจนสร้างความประทับใจ และได้มิตรภาพดี ๆ กลับมามากมาย หลายคนนับถือรักเคารพเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“นอกจากนี้ ยังหารายได้ด้วยการรับจ้างเป็นยามเฝ้าโรงน้ำแข็งในเวลากลางคืน และรับจ้างเฝ้าร้านทอง ก่อนหน้านี้เจ้าของกิจการหลายแห่งปฏิเสธไม่อยากให้ทำงานด้วย เพราะเห็นว่ามียศตำแหน่งสูงก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่า ผมไม่ได้กระทำสิ่งผิดกฎหมาย หรือผิดทำนองคลองธรรมใด ๆ การมาหารายได้เสริมก็ไม่ได้เบียดบังเวลาการทำงานราชการ ซึ่งแม้ว่าผมจะเป็นตำรวจดูแลประชาชนให้อยู่อย่างเป็นสุขแล้ว ผมยังต้องมีหน้าที่พ่อทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวต้องดูแลให้ทุกชีวิตในครอบครัวอยู่ดีกินดี มีความสุขด้วยเช่นกัน เจ้าของกิจการจึงยินยอมให้ทำงานด้วย”

อดีตตำรวจน้ำดี กล่าวปิดท้ายว่า อยากฝากบอกทุกคนโดยเฉพาะตำรวจว่าอย่ายึดติดกับยศ และตำแหน่งมากจนเกินไป มันเป็นเหมือนหัวโขน เวลารุ่งเรืองก็มีคนสรรเสริญเยินยอ เวลาตกทุกข์หมดอำนาจวาสนาก็มีคนดูถูก ไม่มีใครจริงใจ อาชีพสุจริตเป็นอาชีพที่สูง ขอให้ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วคนที่อยู่กับเราเสมอคือครอบครัวของเรานั่นเอง

เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก สิ่งที่เรานำมาส่งต่อให้กับเพื่อนๆในวันนี้หวังว่าจะเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆท่าน ท่านใดที่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆในชีวิต เมื่อได้อ่านบทความนี้ ความคิดของท่านบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไป ยึดมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ติดยศถาบรรดาศักดิ์ ชีวิตของคุณก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here