พ่อบอกให้เอาอาหารที่เหลือใส่ถุง โดนครอบครัวแฟนหัวเราะเยาะ

0

พ่อบอกให้เอาอาหารที่เหลือใส่ถุง โดนครอบครัวแฟนหัวเราะเยาะ

เชื่อว่าใครหลายคนก็อยากจะอ่านอยากจะรับฟังสิ่งที่ดีๆกันทั้งนั้น วันนี้ผมได้เลื่อนผ่านบทความหนึ่ง ผมได้อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเป็นข้อคิดที่ดีจริงๆ สามารถนำมาปรับใช้กับเรื่องราวประจำวันของเราได้ เราไปติดตามกันเลยดีกว่าว่าจะดีอย่างที่ผมบอกจริงๆหรือไม่

ในวันที่แม่จากไปตั้งแต่จางซีเล็กๆ พ่อก็ได้แต่ทำงานหนักเลี้ยงดูเขามาตลอดเพียงลำพังจนโต จางซีได้เห็นและเข้าใจมาตลอดว่าจะต้องกตัญญูต่อพ่อให้มากๆ พ่อของเขานั่นเป็นคนที่ประหยัดมัธยัสถ์ เพราะรู้ว่าการใช้ชีวิตนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย ทุกครั้งที่ไปกินข้าวนอกบ้านแล้วกินไม่หมดก็จะต้องห่อกลับบ้านมาเป็นประจำ

แถมยังได้สอนกับลูกชายเขาตัวเองเสมอว่า

ลูกเอ๋ย จงจำไว้นะว่าอย่ากินทิ้งกินขว้าง ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งลูกจะโดนทำโทษให้ไม่มีอะไรกินเลย

จางซีก็จำขึ้นใจตั้งแต่ยังเล็กๆ

ผ่านไปไม่นานเมื่อเขานั้นอายุได้ 27 ปี เราได้เรียนจบมหาวิทยาลัยและได้คบหากับแฟนสาวของเขา อาจจะเป็นเพราะว่าตัวเขานั้นได้รับอิทธิพลจากผู้ที่เป็นพ่อ เขานั้นเป็นคนที่แต่งตัวธรรมดา ร่างกายเสื้อผ้าของเขานั้นไม่มีแบรนด์เนมใดๆ ดูเผินๆก็เหมือนคนบ้านนอกธรรมดาคนนึง

และทุกครั้งเวลามีคนพูดถึงเรื่องนี้เขาก็จะยิ้ม และไม่เอามาใส่ใจ

ผ่านไปไม่นานเขาและแฟนที่คบกันมาถึง 4 ปีแล้ว ทั้งคู่นั้นคิดอยู่เสมอว่าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ดี

แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวของฝ่ายผู้หญิงนั้นจะดูถูกจางซี คิดว่าเขานั้นเป็นคนบ้านนอกไม่คู่ควรอะไรกับลูกสาวของตน

ปกติเวลาเจอหน้ากัน แม่ของแฟนก็แทบไม่เห็นเขาในสายตาแต่ครั้งนี้เป็นครอบครัวของแฟนจางซีเองที่บอกว่าอยากเจอพ่อของเขาเอง ทำให้จางซีดีใจมาก

เขารีบไปบอกพ่อ : “พ่อครับ บ่ายนี้พ่อว่างมั้ย แม่ของแฟนผมอยากเจอพ่อ เพื่อคุยเรื่องแต่งงานของเรา นัดเจอกันที่โรงแรม Meikailong”

พ่อได้ยินก็ตอบว่า : “แค่คุยกันเองไม่ใช่หรอ ทำไมต้องนัดเจอในโรงแรมดีแบบนั้น เปลืองเงินเปล่าๆ”

เนื่องจากโรงแรมอยู่ใกล้บ้านของแฟนสาวมากกว่า จางซีกับพ่อจึงไปถึงทีหลัง พอเข้าไปในห้องก็เห็นว่าห้องใหญ่เกินไป เห็นครอบครัวแฟนสาวแต่งตัวมาอย่างดี ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีเงิน แต่พอเห็นพ่อของจางซีใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสำหรับออกกำลังกายคลุมมาง่ายๆ ดูก็รู้ว่าไม่มียี่ห้อ

พอบ้านแฟนจางซีเห็นก็มองด้วยสายตาดูถูก ทำให้จางซีรู้สึกกระอักกระอ่วน หน้าก็เลยแดงขึ้นมา พ่อของเขานั่งยังไม่ทันจะนั่งดี

แม่ของแฟนก็พูดว่า : จะแต่งงานกันก็ได้ แต่ต้องซื้อบ้านขนาด 200 ตารางเมตรในเมืองหนึ่งหลัง และสินสอด 5 แสน

โดยไม่ต้องคิด พ่อของจางซีก็ตอบตกลง ทำให้ครอบครัวของแฟนสาวเขาประหลาดใจมากคิดว่าพ่อของจางซีโม้

จากนั้นพ่อของเขาก็พูดต่อว่า : “จางซีเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก เรื่องงานแต่งงานผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องรบกวนบ้านคุณแล้ว”

“ไม่มีปัญหาอะไร ยังไงก็เป็นงานแต่งของลูกสาวฉัน แล้วพวกเราจะไปดูบ้านกันเมื่อไหร่ดี?”

พ่อของจางซี : “เมื่อไหร่ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้”

“งั้นโอเค ต้องขอโทษด้วยนะคะ เผอิญที่บ้านมีธุระต้องไปก่อน มื้อนี้ให้ฉันเลี้ยงก็แล้วกัน น่าจะหลายพันอยู่”

พ่อของจางซีเห็นอาหารเหลือเต็มโต๊ะ เขาเองก็ไม่มีอารมณ์จะกิน ก็เลยเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามา “เอาอาหารใส่ถุงให้ด้วย” ต่อหน้าครอบครัวของแฟนจางซี

ตอนนั้นเองที่พวกเขามองด้วยสายตาดูถูก แล้วแม่ของเธอก็พูดว่า : “ไม่มีเงินก็คือไม่มีเงิน จะมาเสแสร้งว่ารวยทำไม พูดมาตั้งนานก็คงโม้ทั้งนั้น”

พูดจบก็สะบัดหน้าจะเดินออกไป

ตอนนั้นเองที่ประตูเปิดออก

ผู้จัดการโรงแรมเดินเข้ามา : “ท่านประธานทำไมจะมาไม่บอกผมสักคำ”

พ่อของจางซี : “วันนี้นัดกันมาคุยเรื่องส่วนตัวน่ะ ไม่อยากรบกวนเธอ ไปก่อนนะ”

แล้วพ่อของจางซีก็เดินออกมาจากโรงแรมโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย ได้แต่บอกจางซีว่า : “รีบๆ เลิกกับแฟนคนนี้เลย ครอบครัวนี้เป็นคนแบบไหนกัน คนแบบนี้ใช้ไม่ได้ รวมถึงแฟนแกด้วย”

ที่แท้เพราะว่าตอนพ่อจางซีเล็กๆ มีอยู่ครั้งนึงเขาหิวมาก แล้วก็ได้ข้าวจากขอทานช่วยประทังชีวิต เขาถึงได้รอดมาได้ พอถึงวันนี้แม้ว่าจะร่ำรวยก็ยังเป็นคนประหยัด!!

ผมเจอคนแบบนี้ คิดว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดี?

เรียบเรียงส่วนหนึ่งโดย : Postsara

ขอขอบคุณ : liekr

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here