หลวงพี่รูปหนึ่ง ช่วยแมงป่องที่กำลังจม แต่โดนถึง 3 ครั้ง พอรู้สาเหตุยกมือขึ้นสาธุ
มีหลวงพี่อยู่รูปหนึ่งได้ไปนั่งสมาธิวิปัสสนาที่ท่าน้ำ เมื่อได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำ ก็ได้ลืมตาขึ้น ได้เห็นแมลงป่องนั้นตกอยู่ในท่าน้ำ ท่านก็ได้ใช้มือของตัวท่านเองช้อนมันขึ้นมา
ซึ่งในขณะเดียวกันแมงป่องก็ได้ทำการทางขึ้นและปล่อยไปที่บริเวณมือของท่าน และท่านได้ปล่อยแมงป่องลงที่ฝั่งพื้นดิน หลังจากนั้นก็ได้ทำการหลับตาทำสมาธิต่อ
เมื่อผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีกครั้งหนึ่ง ท่านได้ลืมตาขึ้นมา เห็นแมงป่องตกลงไปในน้ำอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้เอามือช้อนมันขึ้นมาอีก
และแน่นอนว่าแมงป่องก็ไปที่มือท่านอีกครั้ง และท่านก็ทำเหมือนเดิมหยิบมันขึ้นมาแล้วก็หลับตาทำสมาธิต่อไป
ผ่านไปสักครู่ เหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำอีก
หลวงตาที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น “ท่านไม่รู้หรือว่าแมงป่องมันต่อยคน?”
หลวงพี่ตอบว่า “รู้ โดนมันต่อยสามครั้งแล้ว”
หลวงตาพูดว่า “แล้วท่านทำไมยังจะช่วยมันอีก”
หลวงพี่ตอบว่า “การต่อยคนเป็นสัญชาตญาณของมัน.
แต่ความเมตตาเป็นสัญชาตญาณของเรา.
สัญชาตญาณของมันไม่สามารถมาเปลี่ยนสัญชาตญาณของเรา”
ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีก แมงป่องตัวเดิมนั่นแหละ
หลวงพี่ไม่รีรอ เตรียมที่จะนำมือที่บวมเป่ง ยื่นไปช่วยมัน
ขณะเดียวกัน หลวงตาก็ยื่นกิ่งไม้ให้กับหลวงพี่. ท่านก็นำกิ่งไม้ช้อนแมงป่องขึ้นมา
หลวงตา..ยิ้มและพูดว่า
“ความเมตตานั้นดี ในเมื่อมีความเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องมีความเมตตาต่อตัวเองด้วย ฉะนั้นความเมตตาต้องมีวิธีการของความเมตตา ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถึงจะมีสิทธิไปช่วยผู้อื่น”
เรื่องนี้ทำให้ได้คิดถึงประโยคหนึ่งที่ผู้คนชอบพูดกันในปัจจุบันนี้ว่า “เดี๋ยวนี้จะทำตัวเป็นคนดีนั้นยาก”
ใช่แล้ว สัญชาตญาณของคนดีคือทำความดี. แต่ผู้ถูกช่วยอาจจะไม่ใช่คนดี และผลของการช่วยคนก็อาจจะไม่เกิดผลที่ดี. แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
เหมือนกับที่หลวงตาพูดไว้ “เมตตาต้องมีวิธีการของความเมตตา”. “ความเมตตานั้นดี ในเมื่อจะเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย”
ความเป็นจริงเตือนเราว่า ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อตัวเองก่อน ถึงจะสามารถรับผิดชอบต่อผู้อื่นได้อย่างแท้จริง. คนที่ไม่สามารถรับผิดชอบต่อตัวเอง แล้วจะไปรับผิดชอบต่อผู้อื่น จะเป็นไปได้ไหม? ต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ไปดูแลผู้อื่น
และประโยคนี้ก็ชอบมาก
“สัญชาตญาณของแมงป่องนั้นต่อยคน แต่สัญชาตญาณของเราคือความเมตตา สัญชาตญาณของมันจะไม่สามรถมาเปลี่ยนสัญชาตญาณของเรา”
“ความเมตตานั้นดี ในเมื่อจะเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย และต้องมีวิธีการของความเมตตาด้วย”
จะไม่ให้ความเลวของผู้อื่นมามีอิทธิพลกับความดีของเรา
จะไม่ยอมให้การกระทำและวาจาของผู้อื่นมามีผลต่อจิตใจและการกระทำของเรา
ผู้ที่มีปัญญาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้.
แต่ผู้โง่เขลาเบาปัญญานั้น อารมณ์ของตนจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและวาจาของผู้อื่น
“จงอย่าทอดที้งความดีของเราเพราะความเลวของผู้อื่น”
“โยนิโสมนสิการ” เจริญพรนะคุณโยม
ขอขอบคุณภาพประกอบ : zoonvor