คลินิกบาทเดียว 1 บาท ผู้เป็นพ่อพระของคนยาก มาได้เลย

0

คลินิกบาทเดียว 1 บาท ผู้เป็นพ่อพระของคนยาก มาได้เลย

ท่ามกลางแสงสีเสียงบริเวณถนนข้าวสารและบางลำพูน ตรงข้ามกับโรงแรมเวียงใต้คือที่ตั้งของคลินิกเวชกรรม ของนายสุรัตน์ คลีนิครักษาโรคฟรี ที่แอบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ดูเจ้าของคลินิกแห่งนี้ชื่อว่าคุณสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ เป็นอดีตนายกสมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร และเป็นประธานชมรมสุรัตนธรรม

ผมเคยได้ยินเรื่องราวของคุณหมอ 5 บาท ที่คนไหนมีเงินก็เก็บคนไหนไม่มีเงินก็จ่ายแค่ 5 บาท ก็ยังนึกถึง ชื่นชมอยู่ในใจเสมอ แต่ไม่เคยคิดที่จะลองเปิดคลินิกเอง เพราะเราไม่มีความรู้ในด้านนี้เลย

จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีก่อน แม่ของคุณสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ ซึ่งมีรูปประจำตัวนั้นก็คือ โรคหัวใจ เบา หวาน คอเลสเตอรอล ป่วยจนเข้าห้อง ไอ ซี ยู และเขานั้นได้จุดธูปหน้าโรงพยาบาล และได้อธิษฐานว่า หาคุณแม่ของเขาหายดี จะเปิดคลินิกรักษาฟรี และไม่น่าเชื่อว่าในวันรุ่งขึ้น อาการของคุณแม่นั้นของเขากลับหายเป็นปกติ

“ตอนออกจากโรงพยาบาล ผมเลยบอกแม่ว่าจะทำคลินิกรักษาฟรีท่านก็ว่า ดีแล้ว ทำไปเถอะ…บุญกุศลที่ทำจะได้ติดเนื้อติดตัวเราไปตลอดชีวิต”

หลังจากนั้น เมื่อผู้เช่าตึก 3 ชั้นตรงข้ามโรงแรมเวียงใต้จะย้ายที่ เขาจึงทำการปรับปรุงชั้นสองของตึกนั้นให้กลายเป็นคลินิกรักษาคนไข้ฟรีทันที โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน

เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย คุณสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ ได้สอบถามไปยังกระทรวงสาธารณสุขว่า หากจะเปิดคลินิกรักษาฟรีจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

“ทางนั้นตอบกลับมาว่า รักษาฟรีไม่ได้ ผิดกฎกระทรวง แต่ถ้าเปิดแล้วจะเก็บถูกเก็บแพงก็เรื่องของคุณ นี่คือที่มาของสโลแกน ‘หนึ่งบาทรักษาทุกโรค’

“เราถามต่อว่า เป็นไปได้ไหมถ้าจะหาหมอมาช่วยทำตรงนี้ เขาตอบว่า หมอที่มีอุดมการณ์ไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดแล้ว

“สุดท้ายผมเลยจ้างหมอดีๆ จากโรงพยาบาลหลายๆ ที่มาแทนเพราะถ้าเรารักษาไปแล้วเขาไม่หาย กลับไปทำงานไม่ได้ หยุดบ่อยเจ้านายไล่ออก ทำให้ตกงาน แล้วเราจะมีคลินิกไปทำไม ส่วนย าที่นี่ก็จะเป็นย าราคาปานกลางไปจนถึงย าแพง ไม่ได้ใช้ยาถูกๆ เพราะเราอยากให้เขาหายจริงๆ”

ในตอนแรกคุณสุรัตน์ตั้งใจจะเปิดคลินิกเป็นชื่อคุณแม่ ทว่าหากทำเช่นนั้นจะต้องเปิดเป็นมูลนิธิ จึงหันมาใช้ชื่อของตัวเองแทน

“ผมตั้งใจว่าจะทำโดยใช้เงินของตัวเอง ไม่ต้องการใช้เงินคนอื่นกลัวว่าถ้ายืมจมูกคนอื่นหายใจแล้วจะทำไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะผมเคยตั้งปณิธานไว้ว่า จะเปิดคลินิกนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่

“ก่อนจะตั้งคลินิก ทางกระทรวงส่งทีมเข้ามาตรวจสอบว่าเราจะเล่นการเมืองไหม ทำเป็นคลินิกทำแท้งหรือเปล่า ตึกนี้เป็นตึกเราจริงไหม ตั้งใจจะเปิดเพื่อฟอกเงินหรือเปล่า ซึ่งเราก็เข้าใจและยินดีให้เขาตรวจสอบ เพราะว่าเดี๋ยวนี้คลินิกเถื่อนเยอะมาก”

หลังใช้เวลาตรวจสอบเกือบหนึ่งเดือนกระทรวงสาธารณสุขจึงอนุมัติให้คุณสุรัตน์เปิดคลินิกรักษาฟรีได้…ไม่กี่เดือนต่อมาคลินิกเวชกรรมสุรัตน์ จึงได้ฤกษ์เปิดทำการ

“คลินิกเวชกรรมสุรัตน์รับรักษาทุกคนฟรี โดยไม่คิดว่าเป็นคนไทย พม่า เขมรหรือชาวต่างชาติ จะมีบัตรหรือไม่มีบัตรประชาชนเราก็รับรักษา”

แม้กระนั้นคำถามที่ชวนท้อใจอย่าง คุณสุรัตน์ วงศ์ชาญศิลป์ “สร้างภาพหรือเปล่า” “จะเล่นการเมืองใช่ไหม” “ฟอกเงินหรือเปล่า” ยังคงลอยเข้าหูให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ทว่าเขาไม่เคยสนใจ เพราะเชื่อว่าเวลาคงเป็นตัวพิสูจน์ทุกอย่างได้

หลังจากเปิดคลินิก คุณสุรัตน์พร้อมกับภรรยาและทีมงานเดินทางไปแจกใบปลิวตามชุมชน 40 – 50 แห่งทั่วกรุงเทพฯเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักและมาใช้บริการ ทว่าหลายคนในชุมชนเชื่อว่าเป็นการหาเสียงบางคนปฏิเสธไม่รับ บางคนถึงกับขยำใบปลิวทิ้งลงถังขยะให้เห็นต่อหน้าต่อตา

“ผมบอกทีมงานว่า ถ้าใครว่าเรา ให้ถามเขาว่าคนที่ชื่อสุรัตน์ คุณรู้จักเขาหรือเปล่า ถ้าไม่รู้จัก การที่เขาจะเล่นการเมือง ฟอกเงินหรือเป็นคนไม่ดีก็เรื่องของเขา แต่ถ้าเขาสามารถช่วยให้คุณหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ทำไมคุณไม่ลองไปรักษาก่อน เก็บใบปลิวนี้ไว้ เมื่อไรที่คุณไม่สบายให้ไปคลินิกนี้ จะได้ไม่ต้องเสียเงิน

“เวลาเห็นขอทาน ผมจะจอดรถและเอาใบปลิวให้เขาเลย และบอกเขาว่า ถ้าไม่สบายให้มาที่คลินิกเวชกรรมสุรัตน์ ตั้งอยู่ที่บางลำพูเปิดทุกวันตอนห้าโมงเย็นถึงสามทุ่ม ยกเว้นวันอาทิตย์

ด้วยเหตุนี้ทำให้ปัจจุบันมีผู้ป่วยมาเยี่ยมเยือนคลินิกเวชกรรมสุรัตน์ไม่ต่ำกว่าวันละ 30 ราย โดยมีตั้งแต่คนยากจนไปจนถึงคนที่กินเงินเดือนสามสี่หมื่น

แม้แต่เพื่อนฝูงของเขาเองก็ยังสงสัยว่าทำไปทำไม ในเมื่อต้องเสียเงินถึงแสนกว่าบาทต่อเดือน แล้วยังต้องเสียเวลาทำมาหากินอีกด้วย

“ผมตอบเขาว่า บางครั้งเงินก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่จะบ่งบอกถึงความสุข ผมเป็นเจ้าของกิจการส่งออกอสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ทและอพาร์ตเมนต์ปกติเราลงทุน 100 ต้องได้กำไรอย่างน้อย 20 – 30 เปอร์เซ็นต์เพื่อความอยู่รอด แต่คลินิกนี้ลงทุน 100 สูญร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งค่าหมอพยาบาล ย า แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นมากมายกว่าเงิน ผมมีความสุขและดีใจที่เราได้ช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จัก ได้พบคนไข้ใหม่ๆ ไม่ซ้ำหน้า ได้เห็นผู้ป่วยอาการดีขึ้น แม้เพียงนิดเดียวผมก็ยินดี”

บางครั้งเมื่อมีเวลา เขาและภรรยาจะมาช่วยฝ่ายเวชระเบียนทำการบันทึกประวัติคนไข้ พร้อมกับถามถึงการทำงานของคุณหมอพยาบาล รวมถึงการรักษา ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้เขาชื่นใจมาจนถึงทุกวันนี้

“หลายๆ คนบอกว่า เคยไปเสียเงินรักษาบางครั้งก็ไม่หาย มาที่นี่คุณหมอพูดจาไพเราะ ตรวจก็ละเอียด รักษาก็หาย คุณป้ารายหนึ่งบอกว่า มาที่นี่ห้าหกครั้งแล้ว เพิ่งมาเจอคุณสุรัตน์ แล้วก็ยกมือไหว้เราน้ำตาไหลพรากออกมา

“ผมหวังว่าสิ่งที่ผมทำอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนหลายๆ คนทำตามบ้าง ผมเชื่อว่าตราบใดที่หลายคนมีเวลาไปสังสรรค์ เอาเงินไปกินโต๊ะจีนราคาเป็นหมื่น ตราบนั้นเชื่อเถอะว่า คุณก็มีเวลาและเงินมากพอที่จะช่วยเหลือสังคมแล้ว”

หมอห้าบาทเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา อีกไม่นานคุณสุรัตน์เองก็คงเป็นแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายคนหันมาทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม…ไม่ต่างกัน

ขอขอบคุณ : goodlifeupdate, Thai PBS

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here