ยืมเงินคนอื่นไว้ คืนเงินเขาเถอะ เพราะไม่อย่างนั้นผลกรรมจะติดตาม

0

ยืมเงินคนอื่นไว้ คืนเงินเขาเถอะ เพราะไม่อย่างนั้นผลกรรมจะติดตาม

เชื่อได้ว่าใครหลายๆคนจะพบเจอกับเหตุการณ์นี้ มักจะมีเพื่อน คนรอบข้าง ญาติพี่น้องของคุณเข้ามายืมเงินของคุณ ใครที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ การปฏิเสธเข้าใจว่าเป็นเรื่องยาก แต่หากว่าถ้าเราใจดีเกินไป ในบางทีเราอาจจะเสียมิตรภาพดีๆที่เรามีอยู่นั้นหายไปด้วย

หลายๆคนคงจะเคยได้ยินกับคำที่ว่า “ถ้าไม่อยากเสียเพื่อน อย่าให้เพื่อนยืมเงิน” ตอนมายืมสุดเศร้า เล่าความลำบากทั้งหมดที่มีต่างๆนานาจนเรานึกว่าสงสารไม่ได้

เมื่อถึงเวลากำหนด ก็ไม่ยอมคืน บางคนต้องบากหน้าตัวเองเข้าไปทวงหนี้ทั้งๆที่มันเป็นสิทธิ์ของเรา แต่เราต้องมาคอยลำบากใจทุกครั้งที่เป็นห่วงสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้คืน

จนทำให้ต้องเสียเพื่อนไป เพราะคำว่าเงินเท่านั้น เหตุการณ์นี้มีมานักต่อนักให้เห็นอยู่ทั่วไปถึงแม้ว่าเราจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำหน้าที่ของมันได้คือ “บาปกรรม” ที่เขาได้ก่อเอาไว้เอง

ในวันนี้เราได้มีบทความหนึ่ง ที่ได้ถูกถ่ายทอดลงบนเพจ Dungtrin โดย ดังตฤณ หรือ ศรันย์ ไมตรีเวช นักเขียนแนวคิดธรรมะ ล่าสุดเขาได้เขียนบทความหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โดนใจของใครหลายๆคนในหัวข้อ “ยืมเงินแล้วไม่คืน จะได้รับผลกรรมอย่างไร” เป็นที่น่าสนใจของคนจำนวนมาก

โดยสรุปได้ว่า ผลกรรมของการยืมเงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะจะแปรไปตามเจตนาของผู้ยืม

บางคนยืมแล้วเจตนาจะคืนแต่มีเหตุให้ไม่สามารถคืนได้ ผลกรรมย่อมแตกต่างจากผู้ที่ยืมและมีเจตนาว่าจะไม่คืน หรือบอกผลัดไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้ให้ยืมเดือดร้อนใจ เป็นกรรมทางใจ อยู่ที่จะเลือกต่อเวรหรือหยุดเวร

แม้ในทางโลกจะเหมือนเราเสียเงินให้เขาฟรีๆ แต่ทางธรรมคือเรายกหนี้กรรมให้เขาไปแบกแทน

ให้ลองย้อนตั้งคำถามกับตนดูว่าสมควรจะโกรธแค้นตัวแทนนี้อยู่หรือไม่? โดยเนื้อหาของบทความฉบับเต็มมีดังนี้

ยืมเงินแล้วไม่คืน ผลอาจไม่เหมือนกัน ต้องดูที่ตัวกรรมของแต่ละคน เมื่อรู้ว่ากรรมเป็นอย่างไร ก็จะพออนุมานถูกว่า

ผลกรรมน่าจะประมาณไหน รูปแบบของกรรม แปรไปตามเจตนา รวมทั้งความสามารถ ที่จะทำให้สำเร็จตามเจตนาด้วย เช่น บางคนยืมด้วยความตั้งใจคืน อาจมีข้อสัญญาชัดเจนว่า จะคืนเมื่อใด ให้หรือไม่ให้ดอกเบี้ย แล้วคืนได้ตามนั้น
พร้อมของแถมตามข้อตกลง ผลที่เกิดขึ้นทันที คือความผูกพันในทางดี เป็นที่น่าเชื่อถือสำหรับกันและกัน ฝ่ายให้ ถือว่าได้บุญที่ให้โอกาส

ฝ่ายรับ ถือว่าได้บุญที่ได้ทำตามที่พูด มีความสุข มีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่

บางคนยืมด้วยการตั้งใจคืน เสร็จแล้วคืนไม่ได้ ชนิดสุดวิสัย อย่างนี้ไม่ได้ตั้งใจโกง ไม่ได้ผิดศีลข้อ ๒ แต่ผลที่เกิดขึ้นทันทีในชาติปัจจุบัน คือ ความทรมานใจ

การขาดความนับถือตัวเอง และการไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของคนอื่น

ส่วนผลในชาติถัดไปก็พอสมน้ำสมเนื้อ เช่นที่ให้เงินใครยืมแล้วไม่ได้คืน เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้ เป็นต้น

บางคนยืมด้วยความตั้งใจเรื่อยๆมาเรียงๆ ไม่ฟันธง ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อไร คิดเผื่อไว้แค่แผ่วๆว่า เดี๋ยวมีมากๆค่อยให้ แบบนี้เหมือนก้ำกึ่ง เพราะทำไปๆมีสิทธิ์พลิกจาก ‘เดี๋ยวจะคืน’ เป็น ‘ไม่คืนดีกว่า’

เอาได้ง่ายๆ ถึงจุดหนึ่งคนพวกนี้จะลืมความสัมพันธ์เก่าๆหมด พอเห็นตัวเลขในบัญชีที่คืนได้ แต่เกิดความเสียดาย

ความตระหนี่เข้าครอบงำจิตใจ รู้สึกขึ้นมาว่าอยู่ในบัญชีกู แปลว่าเงินกู เรื่องอะไรจะให้มันหายไปอยู่ในมือคนอื่น ความสำคัญมั่นหมายว่า ‘ของตู’ ทั้งๆที่ไม่ใช่นั่นแหละ คือมุขเด็ดที่กิเลสบงการให้ก่อบาปกันดื้อๆ

ผลทันทีคือมีจิตอ่อนแอ คิดอะไรแบบเด็กๆ อยู่บนเส้นทางของคนเหลวไหล ข้างหน้าจึงสมควรกับชะตา ที่ดูเหลวไหลไร้เหตุผล วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์ที่ยั่งยืน อีกวันกลับมลายหายไปราวกับความฝัน เป็นต้น

บางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน พร้อมดอกเบี้ยมหาศาลบานตะไท ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะอยากประชดแบงก์ที่กู้ยากกู้เย็นนัก อันนี้ผิดศีลข้อ ๒ เต็มๆ เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์ ที่เจ้าของมิได้ยกให้ และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ ๔ มาด้วย

ฉะนั้น ในที่ที่กรรมเผล็ดผล โทษสถานเบาในโลกมนุษย์ คือต้องเหมารวมทั้งผลของ การผิดข้อ ๒ และ ๔ รวมกันสองกระทง

ผลของข้อ ๒ คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศด้วยเหตุร้าย

ผลของข้อ ๔ คือเป็นผู้ถูกหลอกลวง ถูกใส่ร้าย

พูดง่ายๆว่า มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้งชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้าย ใส่ไคล้ หรือถูกต้มตุ๋นล่อลวงได้สารพัด แต่ข้อเท็จจริง เป็นเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ คนโกหกเป็นนิตย์ ที่จะทำชั่วอะไรไม่ได้นั้นไม่มี ยิ่งถ้ามาถึงขั้นโกหกเพื่อเชิดเงินคนอื่นได้ ทำให้เขาเดือดร้อนหน้าตาเฉยได้ ก็แปลว่าต้องทำบาปร้ายกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อยๆ

ฉะนั้น โทษทัณฑ์ที่แท้จริง ก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์ จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็นๆกันขณะเป็นมนุษย์ ในฐานะคนถูกโกง ก็ต้องระลึกด้วยว่า เกมกรรมยังไม่จบ คนถูกโกงก็ต้องมีกรรมในขั้นต่อไป เมื่อทวงแล้วไม่คืน

เมื่อฟ้องแล้วไม่สำเร็จ (เพราะมักไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกัน) ที่สุดก็เหลือกรรมทางใจ จะคุมแค้น อยากลงมือแก้แค้นให้หายเจ็บใจ หรือจะเลือกเชื่อว่านี่เป็นโอกาสดี ชาตินี้ได้รู้จักศาสนาที่สอนเรื่องเหตุและผล

ทำเหตุอย่างไรมา ก็ต้องได้ผลอย่างนั้นบ้าง รู้แล้วเราจะเลือกต่อเวรหรือหยุดเวร ทางโลกเหมือนยกให้เขาได้เงินไปฟรีๆ แต่ทางธรรมคือยกหนี้กรรมให้เขารับไปแบกแทน

เมื่อคุณได้อ่านถึงตรงนี้ คุณจะรู้ว่าหากใครที่เข้ามายืมเงินของคุณ แล้วเขาคนนั้นก็ไม่คืนเงินคุณตามที่ตกลงกันไว้ เราไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาคนนั้นจะได้รับผลกรรมที่เขาได้ก่อเอาไว้จะตามติดตัวเขา ทำสิ่งใดย่อมได้รับสิ่งนั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : palungjit.org

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here