ทิ้งเงินเดือนแสน กลับตจว.ปลูกไผ่ขายหน่อไม้ ได้เดือนละ 75,000 บาท

0

ทิ้งเงินเดือนแสน กลับตจว.ปลูกไผ่ขายหน่อไม้ ได้เดือนละ 75,000 บาท

แม้ชีวิตในเมืองหลวงจะเต็มไปด้วยความท้าทาย ความสะดวกสบาย และผลตอบแทนที่สูง แต่สองสามีภรรยาผู้มีเงินเดือนรวมกันเฉียดหลักแสน กลับเลือกที่จะออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ลาออกจากการเป็นมุนษย์เงินเดือน ด้วยการทำมาค้าขายแบบที่ทั้งคู่ชอบ จึงเป็นที่มาของสวนไผ่แห่งความสุข บนพื้นที่ 9 ไร่ ในจังหวัดอดรธานี ซึ่งทำรายได้สูงถึงเดือนละ 75,000 บาทต่อเดือน

คุณเพ็ญศิริ ลลิตวิภาส หรือ คุณโบว์ ภรรยาคุณสมเจตน์ หรือ คุณสิงห์ สองสามีภรรยาเจ้าของสวนไผ่ ณ บ้านทุ่ง ที่จังหวัดอุดรธานี สามารถเก็บหน่อไม้ขายวันละ 30 กิโลกรัม รวมทั้งขายกิ่งพันธุ์ เฉลี่ยรายได้สูงถึงเดือนละ 75,000 บาท แถมยังได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชาย 2 คน อย่างมีความสุขท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ และได้กินหลากเมนูอร่อยๆ ที่แปรรูปจากหน่อไม้ตลอดทั้งปี

ทั้งสอง เล่าว่า ฝ่ายสามีเคยเป็นอาจารย์สอนระบบเซิร์ฟเวอร์ ณ บริษัทเอกชน ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ได้ 14 ปี รับหน้าที่เป็น เงินเดือนราว 60,000 บาท ส่วนตัวเองจบบัญชี จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทำธุรกิจส่วนตัว ขายงานศิลปะตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ระบายสี และกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน รวมรายได้ 2 คน ต่อเดือนก็เกือบ 1 แสนบาท

แต่ภรรยาในวัย 37 ปี กลับไม่ได้ชื่นชอบวิถีชีวิตในกรุงเทพฯ แม้จะมีรายได้ดี แต่เธอชอบการมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นมากกว่า และได้วางแผนบั้นปลายชีวิตไว้ว่า อยากเลี้ยงลูกเอง ที่สำคัญอยากประกอบอาชีพอิสระ นี่คือ แรงบันดาลใจ ที่ทั้งคู่ผันตัวมาเป็นเกษตรกร

ในช่วงที่ยังทำงาน คุณโบว์และคุณสิงห์ ช่วยกันเก็บเงินและค่อยๆ ซื้อที่ดินสะสมทีละน้อยๆ ที่ ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นเวลากว่า10 ปี จนมีที่ดินถึง 80 ไร่ ตอนแรกยังไม่ได้ปลูกไผ่ แต่ปลูกอ้อย 50 ไร่ ลงทุนเกือบ 6 แสนบาท ปลูกนาน 4 ปี ขาดทุนสะสม 4 แสนบาท จึงเลิกปลูกอ้อย หันมาปลูกไผ่แทน

“ตอนแรกที่ตัดสินใจปลูกอ้อยเพราะเห็นว่าคนแถวบ้านปลูกอ้อยขายได้ราคาดี เลยจ้างคนมาปลูกบ้าง แต่ปรากฏว่าขาดทุน ปี พ.ศ. 2553 เลยมาดูแลเอง และลดพื้นที่ปลูกอ้อยจาก 50 ไร่ เหลือเพียง 17 ไร่ ก็เริ่มมีกำไรไร่ละ 4,000 บาท”

แม้ว่าการปลูก “อ้อย” จะเริ่มไปได้สวย แต่คุณโบว์ บอกว่า “อ้อย” ทำรายได้ให้เพียงปีละครั้ง เลยคิดจะปกลูกพืชอย่างอื่นที่สามารถทำเงินได้ตลอดทั้งปี และคนอีสานชอบทาน นั่นคือ “หน่อไม้”

“ดิฉันศึกษาหาข้อมูลด้านเกษตร ดูตามอินเตอร์เน็ต ดูในเฟซบุ๊ค ไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆ กระทั่งเมื่อประมาณปี 54 เริ่มปลูกไผ่ เพราะได้ต้นพันธุ์ไผ่กิมซุงมาฟรี ตรงนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่เข้าสู่อาชีพเกษตรกรอย่างจริงจัง”

ไผ่ที่สองสามีภรรยาช่วยกันปลูกนั้นมีมากมายหลายชนิด อาทิ ไผ่กิมซุง ไผ่บงหวานเพชรผึ้ง ไผ่สารวิน พื้นที่ปลูกทั้งหมดเกือบ 9 ไร่ ต้นทุนต่อไร่ ราว 1-2 หมื่นบาท พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกไผ่ได้ 100 – 200 ต้น ดูแลไม่ถึงปี สามารถเก็บหน่อยขายได้

รายละเอียดไผ่แต่ละสายพันธุ์ เจ้าของสวน อธิบายคร่าวๆ ว่า ไผ่กิมซุง กินน้ำเยอะ ใบเยอะ ใบหนา ต้องการน้ำเยอะ ฉะนั้นจะเก็บขายช่วงฤดูฝน ไผ่สายพันธุ์นี้รสชาติออกขม ต้องต้มน้ำทิ้งก่อนจะขาย ขายราคากิโลกรัมละ 20 บาท ไผ่สาละวิน กินน้ำน้อย รสชาติออกขม ต้องต้มน้ำร้อนก่อนขาย 30 นาที เมนูเด็ดทำซุบหน่อไม้ แกงส้ม แกงเปรอะ หน่อไม้ดอง ราคาขายกิโลกรัมละ 50 บาท ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง นิยมทานสด ไม่ขม ปรุงได้หลายเมนู อาทิ ส้มตำไผ่บงหวาน ขายกิโลกรัมละ 80-100บาท

สวนไผ่แห่งความสุขนี้ เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2557 รายได้แต่ละเดือน 70,000-75,000 บาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายหน่อไม้และขายกิ่งพันธุ์ไผ่ เฉลี่ยเก็บหน่อไม้ขายวันละ 30 กิโลกรัม ขายต้นพันธุ์ราคา ต้นละ 100 – 300 บาท หากปลูกไผ่เต็มพื้นที่มากกว่านี้ จะมีรายได้เพิ่มอีก

“ทุกวันนี้ครอบครัวมีความสุข ได้อยู่กับลูก ได้เลี้ยงลูกเอง เป้าหมายต่อไป ตั้งใจจะขยายพื้นที่ปลูกไผ่บงหวานเพิ่มขึ้น เพิ่มกิจกรรมในสวนไผ่ ทำเป็นศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตร เน้นแนะนำความรู้การเกษตรจริง ทำได้จริง ขายได้จริง”

แม้จะเงินเดือนสูงแค่ไหน แต่การได้ทำในสิ่งที่รักที่ชอบอย่างแท้จริงและได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขและอบอุ่นนี่เอง คือความปรารถนาของอันสูงสุดของมนุษย์ ใครอยากนำแนวคิดของทั้งคู่มาปรับใช้กับชีวิตตัวเองก็ไม่หวงห้ามกันนะ หรือใครริเริ่มอยากทำธุรกิจของตัวเองบ้าง ก็ควรศึกษารายละเอียดและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวคุณและท้องถิ่นของคุณ ขอเอาใจช่วยผู้มีความฝันทุกท่านนะจ๊ะ

เรียบเรียงโดย : Postsara

ขอบคุณที่มา : technologychaoban

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here