“เลิกซะ” ก่อนที่จะสาย!! ต่อให้เงินเดือนสูง แต่ถ้ายังมี 7 นิสัยเหล่านี้ ยังไงก็จน เตือนแล้วนะ!!
คุณอาจจะเคยคิดสงสัยในใจว่า ทำไมคนโน้นคนนี้มีตำแหน่งออกจากใหญ่โต เงินเดือนเป็นแสน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีเงินเก็บ ใช้เงินเดือนชนเดือนตลอด
ในบางเดือนยิ่งแล้วใหญ่เลย จะต้องไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันเอง หาใครยังทำนิสัยแบบนี้อยู่แล้วก็ บอกเลยว่าจะต้องเจอกับความล้มเหลวในชีวิตอย่างแน่นอน
ในวันนี้ผมเลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ ต่อให้เงินเดือนคุณสูงมากแค่ไหน แต่ถ้ามีนิสัย 7 อย่างนี้ยังไงก็จนอยู่ดี
1. พอได้เงินเดือนเพิ่ม ก็หาภาระมาใส่ตัวในทันที
– พอเงินเดือนขึ้น ก็รีบจัดหาห้องเช่าใหม่ที่ดีกว่าเดิม แพงขึ้น
– หรือในบางคนพอสิ้นปีโบนัสออกพร้อมปรับเงินเดือน ก็เอาไปดาวน์รถคันที่แพงขึ้น
– มนุษย์โดยส่วนใหญ่จะคิดว่าเมื่อมีเงินก้อนจากโบนัส หรือเมื่อมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นจะมีความรู้สึกว่าอยากจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
– คุณก็จะเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น เข้าภัตตาคารบ่อยขึ้น ซื้อของแบรนด์เนมดังๆมากขึ้น
– ฉะนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ก็หมด
2. อยู่กับปัจจุบัน แต่ไม่เคยมองอนาคต
– คนบางคนเวลาเจอปัญหายากๆ ก็ไม่อยากแก้ไขและทำการปล่อยไป ให้ผ่านไปวันๆ และนี่คือ “สูตรแห่งความหายนะ”
– เนื่องจาก มันจะติดเป็นนิสัยไปสู่เรื่องของ “การเงิน” บางทีอยากได้อะไรก็ซื้อๆ หมุนๆ ใช้เงินไปก่อน ตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน แต่คุณกลับไม่เคยมองภาพรวม
– คุณมองไม่ออกว่าตอนนี้ “สถานะการเงิน” ของคุณเป็นยังไง คุณมีทรัพย์สินเท่าไหร่ หนี้สินเท่าไหร่ เงินสดเท่าไหร่
– คุณไม่รู้ว่าทุกวันนี้รายได้น้อยกว่ารายจ่ายหรือเปล่า ชักเงินเก็บออกมาอุดทุกเดือนแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยผ่านไป
– ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม คุณต้องมองเห็นภาพแล้วว่า ตอนเกษียณ ตอนที่ไม่มีรายได้หรือไม่ได้ทำงาน คุณต้องมีรายได้เท่าไหร่ แล้วรายได้จะมาจากไหน
– ถ้าหากเป็นรายได้จากผลตอบแทนของการลงทุน ก็ต้องรู้ว่าเป็นการลงทุนประเภทไหน อัตราผลตอบแทนเท่าไหร่ ต้องมีเงินต้นหรือ Port ใหญ่แค่ไหน
– คุณยังต้องคิดอีกว่าจากวันนี้ไปถึงวันนั้นจะสะสมเงินเพื่อสร้าง Port การลงทุนขนาดนั้นได้อย่างไร
3. คิดว่าวันนี้ยังไม่ต้องรีบออมเงิน
– การที่คุณเริ่มออมเงินเร็วกว่าคนอื่นแค่ 5 ปี ตอนปลายทางของชีวิตคุณจะมีเงินเก็บต่างกันลิบลับ
– เนื่องจาก พลังของดอกเบี้ยทบต้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นการเก็บออมเพื่อการลงทุน แต่นิสัยการออมก็เป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง
– ถ้าคุณอยากได้อะไร คุณควรวางแผนตั้งเป้าออมเงินไว้ให้ได้เท่านั้นก่อนค่อยเอาไปซื้อ แบบนี้จะไม่สร้างภาระ
– แต่ถ้าหากจะซื้อแบบผ่อน ก็สามารถทำให้หนี้นี้เป็นการผ่อนที่ฉลาดได้ อาทิเช่น ออมเงินก้อนไปลงทุน แล้วเอาดอกเบี้ยไปผ่อนชำระสินค้า เท่ากับได้ของฟรี และเงินต้นก็ยังอยู่
4. ไม่เคยจดบันทึกเรื่องการใช้เงิน
– มนุษย์โดยส่วนใหญ่มักคิดว่ารู้แล้วว่ามีรายได้อยู่แหล่งเดียว (เงินเดือน) แล้วแต่ละเดือนก็มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เรื่องใหญ่ๆ ก็มีไม่กี่เรื่อง ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน/ ค่าห้อง ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าอาหาร หลักๆ ก็แค่นี้ ไม่เห็นต้องจดบันทึกเลย
– ถ้าคุณกำลังคิดแบบนั้นอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าเป็นความคิดที่ผิดมาก
– เนื่องจากบางทีเรื่องเล็กๆ หลายเรื่องรวมกันทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ควรจะประหยัดได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ (เพราะมันเล็กๆ น้อยๆ จนไม่รู้ตัว)
– ผลสุดท้ายคือ “เงินไปไหนหมดเนี่ย” แต่ก็ตอบไม่ได้ แล้วจะประหยัดตรงไหนดี ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
5. แยกแยะไม่ออกว่าอะไรจำเป็น อะไรแค่อยาก แถมยังไม่มีเป้าหมายทางการเงิน
– มนุษย์โดยส่วนมากมักแยะแยะไม่ออกว่า มันเป็นแค่ความอยาก แต่ดันคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น
– ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนี้รถเสียบ่อย ‘จำเป็น’ ต้องเปลี่ยนแล้ว หรือ มือถือรุ่นใหม่ออกมา ‘จำเป็น’ ต้องเปลี่ยนแล้วหละ feature ใหม่ในนั้นจะทำให้คุณทำงานคล่องตัวขึ้นแน่เลย (คิดไปเอง)
– มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่มีเป้าหมายทางการเงิน เลยทำให้ไม่มีอะไรฉุดรั้งความคิดเลยว่า อันนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า เราต้องกันเงินอีกส่วนไว้ลงทุน หรือ อันนี้ยังไม่จำเป็น ยอมลงทุนซ่อมใหญ่ครั้งนึงแล้วใช้ไปได้อีกนานๆ ดีกว่า
– เคล็ดลับง่ายๆก็คือ ถ้าหากคุณมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน คุณจะยับยั้งชั่งใจเป็น หลีกเลี่ยงและรอดพ้นจากความต้องการหรือความพึงพอใจระยะสั้นไปได้ คุณจะยอมเสียสละบางอย่าง เนื่องจากมองเป็นเป้าที่อยู่ไกลๆ
– เคล็ดลับในการวางแผนการเงิน (และวางเป้าหมายในชีวิต) ก็คือ “เขียนมันลงบนกระดาษ” จากนั้นแปะไว้หน้ากระจกแต่งตัว หรือหน้าตู้เสื้อผ้า หรือเลือกแปะไว้ในที่ที่คุณเห็นมันทุกวัน
– เนื่องจาก มันจะช่วยย้ำเตือน และตอกย้ำลงไปในจิตใต้สำนึก ให้ร่างกายและสมองของคุณตอบสนองต่อเฉพาะสิ่งที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายเท่านั้น
6. มีหนี้แต่ไม่รีบใช้
– คุณอาจคิดว่ายังผ่อนไหว หรือผ่อนไปตามระยะเวลาที่ตั้งไว้
– คุณเคยลองสังเกตใบเสร็จรับเงินค่างวดผ่อนบ้านหรือเปล่า ว่าค่าดอกเบี้ยมันแพงกว่าเงินต้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นๆ ของการผ่อน)
– ร้อยทั้งร้อย ตราบใดที่ยังมีเงินเดือนอยู่ ก็จะผ่อนชำระไปเรื่อยๆ เวลาที่คุณมีเงินก้อนมา อาทิเช่น โบนัส
– แทนที่คุณจะเอาไปโปะ เอาไปปิด ก็เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือยแทน ปล่อยให้ดอกเบี้ยมันกัดกินเงินจากกระเป๋าของคุณ
– เราขอแนะนำว่า หากคุณมีเงินก้อนเมื่อไหร่ ให้เอาไปจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงสุดก่อนเสมอ ปิดให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะมีโอกาสให้คุณผ่อนได้นานชั่วชีวิตก็ตาม (ที่เป็นแบบนั่นก็เพราะว่ามันคือ วิธีทำมาหากินของธนาคารหรือเจ้าหนี้ยังไงละ)
7. อัพเกรดอุปกรณ์รอบกายตลอดเวลา
– มนุษย์โดยส่วนมากเมื่อมีแฟชั่นใหม่ๆออกมา ก็จะต้องตาม อย่างนี้เงินจะเหลือได้ยังไง
– ยกตัวอย่างเช่น พนักงานใน office มือถือรุ่นใหม่ออกเป็นไม่ได้ ต้องขวนขวายไป “ถอย” มันมา อ้างว่าชอบเทคโนโลยี ชอบศึกษา
– เราอยากจะบอกว่า คุณต้องให้ความชอบของคุณมันทำเงินได้บ้าง ไม่ใช่ให้ความชอบทำให้เสียเงินอย่างเดียว
– ทุกวันนี้การพัฒนาเทคโนโลยีทำได้เร็วมาก อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ออกรุ่นใหม่กันเป็นว่าเล่น
– นี่คือความตั้งใจของผู้ผลิต/ ผู้ขายที่จะมาดูดเงินออกไปจากกระเป๋าพวกคุณ
– ถ้าหากพวกคุณไม่ระมัดระวังละก็ ต่อให้เงินเดือนคุณจะมากมายแค่ไหนก็จนอยู่ดี
คุณต้องให้ความชอบของคุณมันทำเงินได้บ้าง ไม่ใช่ให้ความชอบทำให้เสียเงินอย่างเดียว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมากเรื่องหนึ่งครับ เพราะทุกวันนี้การพัฒนาเทคโนโลยีทำได้เร็วมาก อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ออกรุ่นใหม่กันเป็นว่าเล่น มันเป็นความตั้งใจของผู้ผลิต/ผู้ขายที่จะมาดูดเงินออกไปจากกระเป๋าพวกเรา ถ้าเราไม่ระมัดระวังละก็..กลับไปอ่านหัวข้อบทความอีกครั้งครับ..
ก็จนอยู่ดี
ขอขอบคุณ : ธนกร – ผู้ก่อตั้งตลาดปัญญา