ถ้ารถโดนชน อย่าเสียรู้ประกัน เราสามารถเรียกเงินก้อนโตได้ เพียงทำเเบบนี่

0

ถ้ารถโดนชน อย่าเสียรู้ประกัน เราสามารถเรียกเงินก้อนโตได้ เพียงทำเเบบนี่

ต้องขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านี้ผมกำลังจะเลี้ยวเข้าบ้านของผม แต่เผอิญถูกชนท้ายรถ จึงจะต้องเสียเวลาไปซ่อมเป็นเวลาเป็นเดือนๆเลย

นั่นก็เป็นเพราะว่าบริษัทประกันของคู่กรณี มัวแต่พูดคุยเจรจาในเรื่องของการประหยัดค่าอะไหล่รถ พูดนู่นพูดนี่หลายอย่างเพื่อที่จะพยายามบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ เราจึงไม่พอใจ ก็เลยขอสั่งสอนให้เข็ดไปเลย

พอซ่อมเสร็จเราก็เลยเรียกเคลม เลยขอเรียกค่าขาดประโยชน์ไป 45 วัน ตอนนั้นก็รู้สึกโมโหมากก็เลยเรียกไปวันละ 1,000 บวกกับค่าเสื่อมสภาพของรถอีก รวมๆแล้วก็ 5 หมื่นกว่าบาท บริษัทประกันก็เลยเงิบไปเลยครับ ต่อรองว่าจะจ่ายแค่ 20,000 เราก็เลยแกล้งทำเป็นโมโหเล่นๆ เขาก็เลยให้มา 25,000 บาท ตอนนั้นไม่คิดจะวุ่นวายอะไรมากมาย ได้มา 25,000 ก็ดีกว่าที่จะไม่ได้อะไรเลย

จากกรณีในที่นี้ จึงขอจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้าเกิดเหตุทางรถยนต์ และเราเป็นฝ่ายที่ถูก นอกจากคู่กรณีจะต้องซ่อมรถให้เราอยู่ในสภาพดังเดิมแล้ว เรายังสามารถที่จะเรียกค่าสินไหม ค่าขาดประโยชน์จากการที่เราไม่ได้ใช้รถได้อีกด้วยนะครับ ส่วนวิธีก็ไม่ได้ยุ่งยาก ยินดีให้คำปรึกษาครับ

ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ขอให้พิมพ์มาถามได้เลย แต่ต้องอ่านให้จบก่อนนะครับ

และในทางกลับกัน แต่ถ้าหากเราไปชนเขา แล้วคู่กรณีเป็นฝ่ายถูก เขาก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าขาดประโยชน์ เรียกค่าสินไหมได้เช่นเดียวกันนะครับ

ผมเชื่อเลยว่ามีคนส่วนน้อยมักจะรู้เรื่องนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่บริษัทประกันไม่ได้บอกเรา ที่เขาไม่บอกเพราะว่าเขาไม่ต้องการจะเสียประโยชน์ แต่สำหรับเพื่อนๆในตอนนี้ก็รู้กันแล้วนะครับ ต่อไปถ้าหากรถเราถูกชน ก็อย่าลืมที่จะอ่านบทความนี้แล้วก็นำไปใช้ประโยชน์กันนะครับ ไปเรียกค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันของคู่กรณีได้เลย

มาต่อกันครับ ผมจะเขียนเรื่องการขอสินไหมทดแทนค่าขาดประโยชน์ ในกรณีที่เราถูกชน และเราเป็นฝ่ายถูก ปรากฏว่ามีคนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก แล้วก็เก็บข้อมูลนี้เอาไว้เผื่อตนเองเกิดเหตุขึ้นมา ผมเลยจะขอเขียนให้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม

เอกสารที่ใช้ในการขอสินไหมค่าขาดประโยชน์

1 สำเนาใบเคลม เก็บใบจริงไว้ด้วยนะครับ

2 สำเนาใบรับรถ (ในกรณีที่จอดที่อู่ซึ่งเขาจะต้องลงวันเวลาว่าเราจะต้องไปรับรถวันไหน ใช้เวลากี่วัน)

3 สำเนาทะเบียนรถ (เพื่อเป็นการยืนยันแสดงตัวตนว่าใครเป็นเจ้าของรถถ้ารถติดไฟแนนซ์ก็จำเป็นจะต้องมีสัญญาของไฟแนนซ์ด้วย)

4 สำเนาบัตรประชาชน ของเจ้าของรถ

5 ใบมอบอํานาจ (ในกรณีที่ไม่ได้ไปเอง)

6 ใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราไม่ได้ใช้รถ อย่างเช่น ค่าเช่ารถ แต่ถ้าไม่มีก็บอกว่าไม่เป็นไร บอกว่าขึ้นแท็กซี่เอา

7 จดหมายขอค่าขาดประโยชน์ ด้านล่างนี้คือตัวอย่างจดหมายของผมนะครับ

วันที่ 18 กันยายน 2560

เรื่อง ขอเรียกค่าสินไหม ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม

เรียน แผนกสินไหมทดแทน บริษัท (ชื่อบริษัท)ประกันภัย จำกัด (มหาชน)

เอกสารที่แนบ

1 สำเนาใบเคลม

2 สำเนาใบรับรถ

3 สำเนาทะเบียนรถ

4 สำเนาบัตรประชาชน

ข้าพเจ้า นาย(พิมพ์ชื่อ นามสกุล) เป็นเจ้าของรถยนต์ Toyota รุ่น (ระบุรุ่น) หมายเลขทะเบียนรถ (พิมพ์ทะเบียนรถ) จังหวัดกทม. ได้ถูกรถเทรลเลอร์ยี่ห้อ ISUZU ของบริษัท (ชื่อบริษัทคู่กรณี) หมายเลขทะเบียนรถ (พิมพ์ชื่อทะเบียนรถและจังหวัด) เลขกรมธรรม์ (พิมพ์เลขกรมธรรม์) ได้ทำการชนท้ายที่ปากซอยรามอินทรา 45 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558

ข้าพเจ้า นายxxxxx xxxxxxxx เป็นเจ้าของรถยนต์ โตโยโต้ รุ่นแคมรี่ หมายเลขทะเบียน xx xxxx กทม. ถูกรถเทรลเลอร์ยี่ห้อ ISUZU ของบริษัท อาร์ อาร์ เอสทรานสปอร์ต จำกัด หมายทะเบียน 70-8725 ฉะเชิงเทรา เลขก ร ร ม ธ ร ร ม์ 5720425055 ชนท้ายที่ปากซอยรามอินทรา 45 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รถของข้าพเจ้านั้นมีความเสียหายดังต่อไปนี้

1 กันชนทางด้านหลังบุบและมีรอยฉีก

2 ฝาปิดท้ายรถบุบ และบี้

3 บังโคลนทางด้านข้างหลังด้านซ้ายและขวาบุบ

4 แผงท้ายบุบทั้งหมด

5 ไฟทางด้านขวาแตก

6 ไฟทับทิมทางด้านขวาแตก

7 ท่อไอเสียด้านหลังแตก

ข้าพเจ้าจึงได้ขอนำรถยนต์เข้าซ่อมที่อู่ อู่ของบริษัท (ชื่อบริษัท) ซึ่งเป็นห่วงของในเครือ (เครืออะไรก็ว่าไป) ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ซ่อมเสร็จวันที่ 11 กันยายน 2560 โดยใช้ระยะเวลาในการซ่อม 46 วัน

ข้าพเจ้าทำงานเป็นผู้บริหารบริษัท (ระบุชื่อบริษัท) โดยปกติแล้วจะต้องใช้รถยนต์ในการติดต่อลูกค้าทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลในทุกๆวัน ประมาณ 100 ถึง 300 กิโลเมตรต่อวัน ในระหว่างที่นำรถเข้าซ่อมอู่นั้น ข้าพเจ้าจำเป็นจะต้องใช้บริการรถแท็กซี่ และในบางครั้งก็จำเป็นจะต้องเช่ารถข้างนอก และมีความไม่สะดวกเกิดขึ้นในการเดินทางเป็นอย่างมาก

ดังนั้นแล้ว จึงขอเรียกค่าสินไหมทดแทนดังต่อไปนี้

1 ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน โดยรวมแล้วเป็นระยะเวลา 46 วัน รวมเป็นเงิน 46,000 บาท

2 ค่าเสื่อมสภาพรถ จากเหตุที่เกิดขึ้นจำนวน 10,000 บาท

ดังนั้นแล้วหากเพื่อนๆคนไหนเกิดเหตุเกี่ยวกับรถยนต์ ก็สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ได้ เพื่อที่ตัวเองนั้นจะได้ไม่ขาดประโยชน์ หวังว่าเพื่อนๆที่เกิดปัญหา จะได้รับข้อมูลนี้ไปใช้กันนะครับ อนุโมทนาบุญครับ

เขียน / เรียบเรียงใหม่โดย : Postsara

ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก : Somchet J. Mhin

ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทุกกรณี

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here