รักษาฟรี! คนมีประกันสังคมต้องรู้ ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ก่อนโดนเสียเปรียบ

0

รักษาฟรี! คนมีประกันสังคมต้องรู้ ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ก่อนโดนเสียเปรียบ

ทุกคนควรที่จะทราบกันเอาไว้ เพื่อที่จะไม่ได้เสียสิทธิ์เสียประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับจากการทำประกันสังคม ที่จะเป็นสวัสดิการเพิ่มเติม 2 รายการ คือ การรักษาทางทันตกรรม หรือการทำฟัน และการตรวจสุขภาพประจำปีอีกหลายรายการ เรามีดูรายละเอียดกันเลยว่าสิ่งที่เพิ่มเติมมานั้น มีรายละเอียดที่เราจะต้องรู้อย่างไรบ้าง

1. การรักษาทางทันตกรรม

ในปี 2560 นี้ มีการเพิ่มค่ารักษาทางทันตกรรมเป็น 900 บาท ต่อปี โดยผู้ประกันตน สามารถทำฟันฟรีไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าตามกรอบวงเงิน 900 บาทได้ ในโรงพยาบาลเอกชน 535 แห่ง และโรงพยาบาลรัฐ ทั่วประเทศ โดยเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม ได้ประกาศรายชื่อสถานพยาบาลที่ทำความตกลงในการให้บริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมแก่ผู้ประกันตน โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน โดยมีสถานพยาบาลเข้าร่วมกว่า 500 แห่ง สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม

2. การตรวจสุขภาพประจำปี ฟรี

โดยการตรวจสุขภาพประจำปี ผู้ประกันตนสามารถใช้บริการในสถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนได้เลือกใช้สิทธิ์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงยื่นบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลตามที่ผู้ประกันตนเลือกไว้

สำหรับการตรวจสุขภาพประจำปีนั้นมีรายละเอียดดังนี้

การตรวจร่างกายของผู้ประกันตนนั้น ได้แบ่งตามกลุ่มอายุ ดังนี้

ตรวจร่างกายตามระบบ คือ

1. การคัดกรองการได้ยิน Finger Rub Test อายุ 15 ปีขึ้นไป โดยให้ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี

2. การตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข อายุ 30-39 ปี ความถี่ตรวจได้ทุก 3 ปี อายุ 40-54 ปี ตรวจทุกปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเสี่ยง

3. การตรวจตาโดยความดูแลของจักษุแพทย์ อายุ 40-54 ปี ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี

4.การตรวจด้วยสาขา Snellen eye Chart อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ มี ดังนี้

1. ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC อายุ 18-54 ปี ตรวจ 1 ครั้ง อายุ 55-70 ปี ตรวจ 1 ครั้งต่อปี

2. การทำงานของไต อายุ 55 ปี ตรวจ 1ครั้งต่อปี

3. ไขมันในเส้นเลือดชนิด Total HDL cholesterol อายุ 20 ปี ตรวจทุก 5 ปีขึ้นไป

การตรวจอื่นๆ มีดังนี้

1. เชื้อไวรัสตับอักเสบ HBsAg ตรวจ 1 ครั้ง

2. มะเร็งปากมดลูก Pap Smear ตรวจอายุ 30-54 ปี ตรวจทุก 3 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไปตรวจตามความเหมาะสม หรือ ตรวจมะเร็งปากมดลูกวิธี VIA อายุ 30-54 ปีขึ้นไปตรวจทุก5 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจแปปสเมียร์

3. ตรวจเลือดในอุจจาระ FOBT อายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อปี

4. การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก Chest x–ray อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม , sanook.com

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here