มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้ “ใช้เงินวันละร้อย” เพื่อ “ก้าวแรกสู่เงินล้าน” (เพียงไม่กี่ปี)

0

มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้ “ใช้เงินวันละร้อย” เพื่อ “ก้าวแรกสู่เงินล้าน” (เพียงไม่กี่ปี)

กลายเป็นเรื่องราวที่โด่งดังและน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะล่าสุดได้มีเด็กคนหนึ่งถือเงินเป็นฟ่อนๆ โดยรวมประมาณ 900,000 บาท พร้อมกับข้อความที่ระบุเอาไว้ว่าขอชื่นชมกับคุณพ่อ ผมนั้นอยากรู้จริงๆว่าคุณพ่อของน้องนั้นได้เงินเดือนเท่าไหร่ ถึงมีเงินให้กับลูกของเขาเป็นกอบเป็นกำได้ขนาดนี้ และได้อ่านคอมเม้นไปเรื่อยๆกับเจอประโยคนี้เข้า

“ทุกสิ่ง ทุกอย่าง อยู่ที่ความตั้งใจ เงิน จะหามาง่าย หรือยาก หากไม่รู้จักประหยัด หรือเก็บออม ก็ไม่มีอยู่ดี คิดดี ทำดี ผมสนับสนุนครับ” หลายคนชื่นชมในความรักของพ่อและความน่ารักของลูกสาวจนแอบตั้งปณิธานว่าลูกผมต้องไม่ลำบากเหมือนกันถ้ารู้จักออมตั้งแต่วันนี้ เชื่อเถอะครับว่ามนุษย์เงินเดือนก็มีเงินล้านได้ อาจจะใช้เวลา 10 ปี ถ้าวางแผนดีๆ ตั้งแต่ก้าวแรก

คอมเมนท์จากชาวเน็ต

คอมเมนท์

ก้าวแรกสู่การมีเงินล้าน สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคนครับ ผมชื่อ Tom Percy … จุดประสงค์ที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเด็นครับ

1. ต้องการขอบคุณแบบอย่างที่ดีทุกท่านในกระทู้พันทิป หรือจากเพจต่างๆ ที่เป็นแนวทางให้ผมจากมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่ไม่มีเงินเก็บได้รู้จักเก็บเงิน

2. ต้องการเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ ทุกคน ที่ไม่มีเงินเก็บเลยได้มีโอกาสได้เก็บเงินสู่ความมั่งคั่งในอนาคต

เข้าเรื่องเลยครับ ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ที่รายได้ไม่ได้มากมายอะไร ทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ และใช้ชีวิตแบบเหนือมาตรฐานเงินเดือนที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟสุดหรูแก้วละ 50-60 ต่อวัน หรือจะเป็นบุฟเฟ่ต์ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังทุกวันอาทิตย์ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อมาทดแทนแรงกายที่เสียไปในแต่ละวันของการทำงาน

แต่แล้ววันหนึ่งผมเริ่มเห็นเพื่อนหลายคนแต่งงาน มีรถ มีบ้าน ไปต่างประเทศ และมีเงินเก็บมากมาย ทั้งๆ ที่วิถีชีวิตของเพื่อนๆ ผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่ผมใช้เลย แต่กลับใช้ชีวิตเรียบง่าย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหันกลับมามองตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

หลังจากที่ผมคิดได้แล้ว ก็เริ่มมาศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ในเพจต่างๆ รวมทั้งพันทิป มีคนมากมายสอนวิธีการเก็บเงิน วิธีรวยต่างๆมากมาย ซึ่งนั่นเองทำให้ผมรู้ว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงไม่มีเงินเก็บเลย แถมชักหน้าไม่ถึงหลัง เดือนชนเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากผมศึกษามาหลายแบบ ก็เริ่มตัดสินใจลงมือทำทันที ถึงจะช้าไป (ตอนนี้อายุ 30 แล้ว) แต่ผมคิดว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป อายุเป็นแค่ตัวเลขจริงไหมครับ? ผมเลยลำดับมาคร่าวๆ ตามนี้ครับ

1. ตั้งเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายทางการเงิน

ในตลอดของการใช้ชีวิต 30 ปีที่ผ่านมานั้น ตัวผมเองไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรเลยสักครั้งในชีวิต ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องตั้งเป้าหมายอะไร จะต้องมีชีวิตแบบไหน ได้แต่ใช้ชีวิตไปในแต่ละวัน ใช้เงินเดือนชนเดือน จนมีความคิดว่าเราต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ได้ และหลังจากที่ผมตั้งเป้าหมายในชีวิตแล้ว มันส่งผลทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเก็บเงิน มีกำลังใจที่จะทำงานอย่างน้อยๆ เราก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นทำไปเพื่ออะไร และทำไปเพื่อใคร ผมได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตของผมว่าจะต้องมีเงินเก็บและได้ไปต่างประเทศให้ได้ภายใน 2 ปี ซึ่งตัวผมเกิดมานั้นไม่เคยได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลย และสิ่งที่ผมตั้งนั้นทำให้ผมเริ่มมีกระปุกออมสินเป็นใบแรก

2. เริ่มจดบัญชีรายรับ-รายจ่าย

การใช้ชีวิตโดยปกติของผมนั้น ไม่รู้เลยว่าในวันๆหนึ่งนั้นใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ใช้เงินไปเท่าไหร่ คือจะใช้เงินในกระเป๋าที่มีให้หมด นั่นคือความสุขในการใช้ชีวิตของผม แต่สิ่งนั้นมีความคิดที่ผิดมากๆ ผมเลยเริ่มต้นใหม่ด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย แรกๆก็ขี้เกียจ ทำบ้างไม่ทำบ้าง เพราะต้องจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้จ่ายออกไป แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆเราก็จะทำมันได้ ทำให้ผมมีวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้นคือ การคิดก่อนใช้และมีเงินเก็บมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

3. แบ่งเงินใช้ในแต่ละวัน

ปกติผมจะกดเงินสดมาไว้ในกระเป๋าครั้งละหลายบาท พอใช้หมดก็กดใหม่ เป็บแบบนี้ไปจนสิ้นเดือนและเงินก็หมดในที่สุด ผมเจอวิธีนี้จากเพจเช่นกัน ผมจึงเริ่มทันทีด้วยการแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ ผมเชื่อว่าการกินวันละ 100 บาทนั้นสามารถอยู่ในกรุงเทพฯได้ (มีคนทำมาแล้ว) ผมก็เลยแบ่งเงินออกเป็น 30 กอง กองละ 100 บาท และสามารถใช้ได้แค่วันละ 100 เท่านั้น (เฉพาะเงินกิน ไม่รวมค่าเดินทางและอื่นๆ) ซึ่งตอนแรกผมมองว่าโคตรยาก แต่หลังจากลงมือทำไปได้สัก 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่อ ผมสามารถกินอาหารได้วันละ 100 บาทได้จริงๆ ด้วย

สำหรับที่ถามว่า 100 บาทผมกินอะไร ในเมืองกรุง

เช้า แซนวิชโฮลวีต (เน้นผัก) 30 บาท

กลางวัน ข้าวแกง ร้านป้า ข้างที่ทำงาน 35 บาท

เย็น ก๋วยเตี๋ยว/สลัดผัก 35 บาท

รวมทั้งสิ้น 100 บาท (และต้องหยอดกระปุกเพิ่มด้วย 20 บาท จากเงินที่มีอยู่)

4. เก็บภาษีเงินได้ และภาษีเงินจ่าย(ทันที)

ผมตั้งกฏไว้อีกหนึ่งข้อว่า ไม่ว่าจะรับเงินมากจากทางใดก็ตาม(รวมทั้งเงินเดือน) ต้องเก็บในกระปุกทันที 10% และ ไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องกินหรือเรื่องเที่ยว (ยกเว้นค่าผ่อนรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ) ให้เก็บเงินเข้ากระปุกทันที 20% นั้นก็คือ หากซื้อข้าวจานละ 100 บาท นั่นผมต้องจ่าย 120 บาทเลยทีเดียว โอย..คิดหนักๆ แต่สิ่งนี้ทำให้ผมมีเงินเก็บอีกหนึ่งกองด้วยกัน

หลังจากหยอดทุกวัน ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปลายเดือน ก็มีเงินพอสมควร หลังจากนั้น ผมก็จดจำนวนเงินนั้นใส่การ์ดไว้ แล้วนำการ์ดนั้นใส่กระปุกไว้ เพื่อให้รู้ว่าเดือนนั้นเราเก็บเงินได้เท่าไร

5. ลงทุน

ผมเริ่มศึกษาการลงทุนรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LTF RMF หรือหุ้น หรือเงินออมทรัพย์ ประกันชีวิต มีมากมายก่ายกองสำหรับการลงทุนเพื่อใช้เงินไปทำงานแทนเรา ผมเองก็เริ่มเช่นกัน นำเงินที่ได้จากการเก็บนี้แหละครับ ไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผมเริ่มจากกองทุนรวมที่ไม่มีขั้นต่ำ เพราะเงินเก็บเดือนแรกไม่ได้มากมายอะไร และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปลงทุนในอาชีพเสริม ไม่ว่าจะขายของออนไลน์ หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้น และผมเชื่อว่าพี่ๆ น้องๆ ที่อ่านอยู่นี้ มีวิธีเพิ่มพูนทรัพย์สินหลากหลายวิธีมากกว่าผมแน่นอน

สุดท้ายนี้ ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถึงแม้จะได้ประโยชน์มากน้อยอย่างไรกลับไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจนั่นก็คือ ผมได้ตอบแทนบุญคุณพี่ๆน้องที่เขียนประสบการณ์แบบนี้ ในเพจต่างๆและพันทิปไว้ ซึ่งผมนำมาใช้และทำ ทำให้ผมมั่นใจว่าเงินหนึ่งล้านแรกไม่น่าจะยากจนเกินไปสำหรับผม ผมเป็นลูกชาวนา ไม่ได้มีเงินทองมากมายติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ผมตั้งใจที่จะส่งต่อประสบการณ์นี้ ให้กับคนรุ่นต่อไป ตอบแทนสังคมคืนกลับไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : Tom Percy สมาชิกเว็ปไซต์พันทิปดอทคอม

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here