ชีวิตเปลี่ยนเพราะอดทน หนุ่มราชการเงินเดือนหลักพัน สู่เจ้าของธุรกิจเงินล้าน

0

ชีวิตเปลี่ยนเพราะอดทน หนุ่มราชการเงินเดือนหลักพัน สู่เจ้าของธุรกิจเงินล้าน

ในยุคนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก ค่าครองชีพก็สูงขึ้น ข้าวของก็แพงขึ้นทุกวัน แต่สิ่งที่น้อยคือเงินเดือน จนหลายๆ คนคอยมองหาทำธุรกิจอื่นทำเพิ่มบางคนก็ทำแล้วประสบความสำเร็จ บางคนก็ล้มเหลว แต่สำหรับผู้ชายคนนี้เขาประสบความสำเร็จจากการมีธุรกิจของตัวเอง จากหนุ่มราชการเงินเดือน 6,700 บาท สู่เจ้าของธุรกิจเงินล้าน จากการเพียรพยายามของเขา เขาจึงแบ่งปันเรื่องราวชีวิตผ่านเฟซบุ๊คชื่อ Tananchai Tripijune เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้ โดยเขาได้เผยว่า…

ลองเสียเวลาอ่านดู ให้กำลังใจตัวเอง. ทุกใต้ภาพมีความหมายและคำอธิบายที่ทำให้อ่านแล้วไม่ท้อและอยากจะสู้เหมือนเรา ใครที่จะเริ่มทำอะไรขอให้สู้ แล้วความสำเร็จจะมาหาเราทำให้ชีวิตเราดีและคนดีดีจะเข้ามาหาเราเอง

เรียนจบปริญญาตรีตอนอายุ 22 ปี ก็มีโอกาศได้เข้าทำงานราชการตั้งแต่ปิดเทอมวันแรก ที่ฝ่ายวิศวกรรม กรมชลประทาน เงินเดือน 6,700 บาท ไม่มีเดือนไหนเลยที่พอกิน อยากได้อะไรก็ไม่เคยได้เพราะเงินเดือนไม่พอ ต้องให้พ่อกะแม่เดือนละ 2,000 บาท เหลือใช้เอง 4,700 บาททุกเดือน

จนต้องมาเริ่มคิดแล้วว่าเงินเดือนน้อยเกินไปไม่พอกิน ไม่พอใช้ อยากได้โทรศัพท์ อยากได้ของใช้เหมือนเพื่อน ก็เริ่มคิดขายของจากไม่มีทุนเลยสักบาทเดียว ไปกู้เงินพี่ไกด์มา 5,000 บาท เพื่อนั่งรถไปชื้อรองเท้าที่จตุจักรมาขาย

ตอนนั้นยังไม่มีรถยนต์ขับ มีแต่รถมอไซร์เวบ 100 สภาพเก่าๆ ขับขนของไปขาย ไปขอแทรกที่ร้านข้างๆ ลงด้วย เริ่มจากใช้ผ้าคุมรถปูทำเป็นพื้น เพราะไม่มีเงินชื้อหญ้าเที่ยม

หลังจากเลิกงานราชการทุก 16.30 น. เราก็จะขนของไปขายตามตลาดนัดใกล้ๆ ที่ทำงานไปทั้งชุดทำงาน

บางครั้งก็อายเวลาไปจองที่ขายของไปขอที่ขายของบางที่ต้องพรางตัว

ที่ไหนมีคนชื้อเราไปหมด ไปขายในงานวัด

งานกาชาดจังหวัดใกล้เคียง ก็ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนที่เป็นพ่อค้า แม่ค้ามากมาย

จนวันนึงมีคนเล็งเห็นเรา มีรายการติดต่อมามากมายมาขอถ่ายแต่เราอายไม่กล้า จนถึงวันนี้เราเริ่มตั้งตัวได้

เราเคยมีโอกาศได้ขายของใกล้ๆ กับพี่เวย์

บางครั้งก็มีบ้างที่แอบลางาน แจ้งลาป่วย แต่ความจริงคือขนของไปขายที่คลองถมจังหวัดลพบุรี ก็มีคนมาอุดหนุนมากขายดิบขายดีได้เงินกลับบ้านมาหลายหมื่นทุกวัน

ไปขายในงานกาชาดก็ไปนะ ขาย 10 คืนเลย

ตลาดเช้า ตลาดนัดราชภัฏ เราก็ขายนะที่ไหนได้ตังค์เราไปขายทุกที่

บางครั้งโดนไล่ที่จนต้องมาขายอยู่ริมถนนก็มี แต่ก็ต้องขอบคุณลูกค้านะที่ยังตามมาช่วยซื้อ ช่วยอุดหนุน ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมา

ขายของไปได้สักระยะนึงก็เก็บตังค์ จนชื้อรถคันแรกได้ ก็ได้ออกไปขายไกลๆ ได้แต่ก็เป็นช่วงหลังเลิกงานนะ จำได้ว่าที่นี้สนามกีฬากองทัพอากาศ ทหารเยอะดี

งานวันพ่อพาครอบครัวกินข้าวเสร็จก็ต้องรีบขนของไปขายงานวันพ่อที่ตลาดเจ้าพรมต่อ

ได้โพสต์ขายทางออนไลน์ ก็ได้รับการตอบรับดีมีคนสั่งเยอะ ก็ตระเวนส่งของรอบเมืองอยุธยาเลย

ลังเปล่าที่ใส่รองเท้า พื้นที่เหลือเราก็หาของมาขายเพิ่ม ข้างๆ ร้านรองเท้าก็ขายดีไปอีก ทำให้เราดีใจมากเลย

จัดร้านในวันออกงานกาดชาด

มีตลาดที่ไหนก็จะเจอพ่อค้าคนนี้

งานตรุษจีนเราก็ไปขาย

จนเปิดหลายสาขา ต้องขอบคุณน้องๆ ที่ไม่เคยทิ้งกัน สาขา 1

และมีสาขา 2

ในบางครั้ง สภาพอากาศก็ไม่เป็นใจ ฝนฟ้าตกลงมาพ่อค้าถึงกับเปียกปอนไปทั้งตัว จนบางครั้งก็ไม่สบาย

เวลาไปลงของก็ไปคนเดียว ของจะเยอะเเค่ไหนเราก็สู้

จนมีเงินเก็บ 1 ล้านบาทแรก ก็เริ่มทำบัญชีรายรับ รายจ่าย อย่างจริงจัง เอาความรู้ที่เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์

แต่เราก็ไม่เคยมีแฟน มีแต่คนนี้ไงแฟนเราสมัยนั้น ตอนนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้ว น้องปอเช่

พี่ส้มก็แวะมาอุดหนุนเรานะ

จนวันนึงได้มาขึ้นห้าง จำได้เลยลางานว่าไปต่างจังหวัดแต่แอบมาขายของ มาขายไม่ได้บอกแม่เพราะกลัวแม่ว่า เพราะค่าที่แพงมากวันละ 2,500 บาท กลัวแม่คิดมาก ว่าแพงไป

ขายรองเท้าวันแรกได้ 300 คู่ ก็ดีใจ รีบโทรบอกแม่แบบน้ำตาไหล

จนสุดท้ายเมื่อรายได้เสริมที่ทำมีรายได้มากกว่างานประจำที่ทำก็เริ่มลังเล เพราะขายของได้มากกว่ามากๆ ได้กำไรช่วงนั้นอาทิตย์ละ 8 หมื่นบาทเลย เดือนนึงมีเงินเก็บ 2,400,000 บาท กับเงินเดือนราชการ เริ่มลังเลว่าจะออกดีไหม

แต่ตัดสินใจยังไม่ออกดีกว่าเพราะ งก ทำสองอย่าเลย จนเริ่มไม่ไหวเพราะเหนื่อยสะสมเริ่มกลับมาคิดเรื่องลาออกอีกครั้ง

งานเสริมอย่างอื่นเราก็รับทำนะ

จนเริ่มเป็นที่รู้จักของคนอยุธยา

ลูกค้าประจำเราเริ่มเยอะจนสาวๆ อยุธยาจำเราได้เรียกเราแต่ พี่ออฟ พี่ออฟ

มันทำให้ทุกวันของเรามีความสุขกับการทำงาน

จนมีร้านในห้างหลายที่ เริ่มแนะนำให้คนใกล้ตัวขายรองเท้า บางคนก็ทำได้ดี บางคนก็ทำได้ไม่ดีเพราะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน

พอธุรกิจเริ่มมั่นคง ชีวิตก็ดีขึ้น ทุกอย่างเริ่มลงตัว

เริ่มได้ออกไปเที่ยวต่างประเทศได้ ใครจะชวนไปไหนออฟก็ไปหมดเพราะมันคือเงินที่เราหามาเองด้วยน้ำแรง

จนเอาเงินสดที่เก็บไว้ทั้งหมดสร้างบ้านให้พ่อแม่เป็นของขวัญ พวกเราจะไม่ต้องลำบากไปยืมโต๊ะที่วัดมาหนุนนอนกัน

ที่เดินทางมาถึงทุกวันนี้ได้ คงไม่ใช่เพราะอะไรเลย นอกจากความเพียรพยายามล้วนๆ สำหรับใครที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง ดูเรื่องราวของคุณออฟ คงมีกำลังใจกันมากขึ้นนะคะ

ขอขอบคุณ : Tananchai Tripijune

เขียน / เรียบเรียง : Postsara

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here