800 บาทกินทั้งเดือน… สำหรับคนที่ท้อแท้ หาทางออกไม่เจอ ลองอ่านดูนะ

0

800 บาทกินทั้งเดือน… สำหรับคนที่ท้อแท้ หาทางออกไม่เจอ ลองอ่านดูนะ

วันนี้ผมจะมาเล่าอะไรให้ฟังนิดนึงครับ พอดีเห็นกระทู้ pantip แล้วนึกถึงตัวเองตอนมาหางานทำที่ กทม. เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา

เรื่องที่จะเล่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เกิดขึ้นกับตัวผม

เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนผมตกงานอยู่ที่ต่างจังหวัด ค้างค่าเช่าเขาเดือนละประมาณ 1,200 บาท แค่นี้ผมก็ยังหาไม่ได้เลย เลยมาหางานทําที่กทมเพราะคิดว่าต่างจังหวัดนั้นหายงานได้ยากมากๆ

จึงมีเงินติดตัวมา 2000 กว่าบาท เอามือถือและอุปกรณ์คอมไปขาย โทรศัพท์ก็ใช้อันเก่าๆที่หน้าจอแตกมองอะไรไม่ค่อยเห็น เอามาใช้เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อโทรหาลูกหาแฟนที่บ้าน

หอบเสือผ้า กระเป๋า มา กทม.คนเดียว ลูกเมีย ทิ้งไว้ที่ ตจว. เป็นการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่สุดในชีวิตเลย มาเพื่อวัดดวงกันเลยจริงๆ นั่งรถไฟฟรีตั้งแต่ ตี 4 มาลง กทม. ประมาณ 8 โมงเช้า นั่งรถเมล์ฟรีต่อมายังย่านที่คิดว่า ค่าเช่าห้อง ค่าใช้จ่ายถูกๆ ที่เล็งไว้ก็คือ ประชาอุทิศ พระประแดง สุขสวัสดิ์ ทุ่งครุ (หาข้อมูลไว้ก่อนแล้วว่าแถวนี้ ค่าเช่าถูก โรงงานเยอะน่าจะมีงานให้ทำเยอะเช่นกัน )

ผมไปเดินหางานร้านคอม ร้านของชำ โรงงาน ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร คาร์แคร์ ฯลฯ ร้านไหนติดป้ายหน้าร้านบอกรับคนงาน พนักงาน ก็เข้าไปสมัครกับเค้าเลยไม่อายอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นงานอะไรก็ทำหมด ของานเค้าทำ ค่าแรงไม่เกี่ยง เดินหางานอยู่ เกือบ 1 วัน ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่จะจ้างผู้หญิง หรือไม่ก็คนอายุน้อยๆ (ตอนนั้นผม 35 แล้วนะครับ)

จนได้งานร้านขายคอมฯ เค้าจ้างให้เฝ้าร้านและประกอบคอม ค่าแรงวันละ 300 บาท พรุ่งนี้มาทำได้เลย ดีใจมาก

ผมยังไม่มีห้องพัก เลยหอบกระเป่าเสื้อผ้าไปนอนร้านเกมส์ ……….

ย้ำว่าไปนอนร้านเกมส์ คือเดินไปเดินมานั่งป้ายรถเมล์ จนดึก แล้วก็ไปนั่งร้านเกมส์ เช่าคอมฯเค้า(เค้ามีเหมา 1 ทุ่ม – 6 โมงเช้า ที่ 80 บาท) เลยวางของตรงนั้น นั่งเล่นเกมส์ฆ่าเวลาไป พอดึกก็นั่งหลับตรงนั้นเลย เงิน 80 บาทถือเป็นค่าที่พักห้องแอร์ มีเกมส์เน็ตให้เล่น 555

พอเช้า ตีห้า ตื่นมาก็หอบกระเป๋าเสื้อผ้า เดินไปปั้มน้ำมันใกล้ๆ เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมไปทำงานวันแรก (แต่ไม่ได้อาบน้ำ ทนเหม็นหน่อยเอาแป้งเด็กทาตัวดับกลิ่นไปก่อน) ไปทำงาน และ ตอนพักเที่ยง เดินไปหาหอพักแถวๆนั้น(ผมไปอยู่แถวๆ ม.พระจอมเกล้าบางมด)

เจอห้องพักราคาถูกเดือนละ 1 พันบาทไม่ต้องมัดจำ รวมน้ำไฟแล้ว เลยสนใจมาก เป็นห้องพักเก่าๆ ตึกอาคารพานิชย์เก่าๆแบ่งห้องให้เช่า ในห้องไม่มีอะไร นอกจากพัดลมเพดาน กับเสื่อน้ำมันเก่าๆ ห้องน้ำรวม ห้องน้ำก็เก่ามากๆ ไม่มีฝักบัว มีแต่ก๊อกกับโอ่งดินเก่าๆเล็กๆ รองน้ำกับขัน 1 ใบ

ในตึก มีทั้งหมด 20 ห้อง มีคนอยู่ประมาณ 4 ห้อง ที่เหลือร้างหมด ดึกๆเหมือนตึกร้างเลย แต่ผมไม่กลัวผีหรอกนะ

เลยเอาเงินวางจอง 1 พันบาท หอบเสื้อผ้าไปนอนวันนั้นเลย ได้ที่พักแล้ว 1 เดือน ได้งานทำแล้ววันละ 300 บาท ครบองค์ประกอบการรอดชีวิตแล้ว (ลืมบอกไปว่า ก่อนผมจะมา กทม.ผมยืมเงินพี่ข้างบ้านไว้ 1 พันบาท ทิ้งไว้ให้ลูกเมียกิน ตัวผมเอาเงินจากขายของมา 2 พันบาท)

เงินเหลือติดตัวทั้งสิ้นประมาณ 800 บาท ณ.วันที่ 1 ของเดือน

ต้องอยู่ให้ได้ถึงสิ้นเดือนกับเงินสุดท้ายนี้ เพื่อเงินเดือนออกจะได้รอด ผมเดินไปทำงาน เพราะมันไม่ไกลมากประมาณ 3 กิโล ถ้าโชคดีเจอรถเมล์ฟรี ก็โดดขึ้นเลย ทำงาน ตอนเที่ยงไม่ได้กินข้าว กินแต่น้ำเอา

ตอนเย็นเลิกงาน ไปซื้อข้าวเปล่า 10 บาท กับปลากระป๋อง ยีห้อ ซีเล็ครถเผ็ด(กระป๋องเขียวๆ) ราคา 14 บาท(ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ขึ้นราคาหรือยัง)

รวมแล้ว 24 บาท(เอาขวดเปล่ากดน้ำตู้ 1 บาทไว้กิน) ผมซื้อปลากระป๋องแทบทุกวัน จนเด็กในร้านจำผมได้ เท่ากับว่าผมใช้ชีวิตอยู่ได้ ด้วยเงินวันละ 25 บาทเท่านั้น 30 วัน x 25 บาท ผมใช้เงินทั้งหมด 750 บาท……

ผมกินข้าวกับปลากระป๋อง เกือบทั้งเดือน ถ้าเบื่อผมก็เอาเงิน 25 บาทที่เป็นงบค่ากิน ไปซื้อข้าวไข่เจียวกล่องละ 20 บาท + ลูกชิ้น 1 ไม้ 5 บาท

หรือ หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท 3 ไม้ + ข้าวเหนียว 10 บาท ก็สามารถอิ่มได้ มันสนุกที่จะทำไง ให้เงิน 25 บาท ซื้อของกินให้ได้มากที่สุด อิ่มที่สุด

ผมซื้อปลากระป๋อง เซเว่นทุกวัน จึงเอาเงินสด เติมเข้าบัตร เซเว่นไป 500 บาท แล้วใช้เงินในบัตรซื้อปลากระป๋อง จนได้แต้มมาส่วนหนึ่ง แล้วเอาแต้มนั้นแลกเป็นของอย่างอื่น เช่น มาม่า ขนมปัง นม ฯลฯ แล้วแต่ว่าพอหรือเปล่า

ผมไม่มีเงินเติมมือถือ รับสายได้อย่างเดียว ตอนนั้นของ true มีบริการยืมเงินค่าโทรได้ 30 บาท ผมก็กดยืม เพื่อเอาไว้โทรหาลูกเมียที่บ้าน วันเว้นวัน โทรวันละ 2 – 3 นาทีก็รีบวาง หรือไม่ก็ให้เมียสมัครโปร 9 บาทโทรฟรี 2 ทุ่ม – 6 โมงเช้า โทรมาหาผมแทน

ยอมรับว่าตอนอยู่คนเดียว คิดถึงลูกมาก และเป็นห่วงเมียที่กำลังท้องอยู่ด้วย ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะไปช่วยยังไง ลูกป่วยจะทำไง ฯลฯ แต่ก่อนมาก็ฝากพี่ข้างบ้านช่วยดูแลไว้แล้ว คงไม่เป็นไรหรอก คิดแบบนั้นตลอดเวลา

ลืมบอกสิ่งที่ผมคิดว่า ผมก็ประทับใจตัวผมจนทุกวันนี้(ชมตัวเองก็เป็น) ที่สุดก็คือ ทุกวันศุกร์ตอนเลิกงานแล้ว ผมจะนั่งรถเมล์ฟรีสาย 21 ไปลงหัวลำโพง และ ต่อรถไฟฟรีเพื่อกลับไปหาลูกเมียที่ ลพบุรี ขึ้นรถเที่ยว สามทุ่ม(ถ้าจำไม่ผิด) ไปถึงลพบุรี ประมาณเที่ยงคืน ขอยืมจักรยานของ จนท.รถไฟ ขี่ไปหาลูกที่บ้าน (ขอยืมเค้า พี่เค้าก็ใจดีให้ยืมทุกครั้ง) แล้วอยู่กับลูกเมียเย็นวันอาทิตย์ ก็นั่งรถไฟฟรีกลับ กทม. มาทำงานตอนเช้าวันจันทร์ต่อ ผมทำแบบนี้ทุกสัปดาห์ เพราะมันอดไม่ได้จริงๆที่ไม่ได้เจอลูกเมีย

จนถึงวันที่ 30 ที่เงินเดือนแรกจะออก น้ำหนักผมลดไป 5 กก.แต่ไม่เป็นไรไม่ป่วยอะไร ผมเหลือเงินติดตัวสุดท้าย 50 บาทในวันสุดท้ายก่อนเงินเดือนออก เย็นนั้นผมเอาเงินนี้ไปซื้อข้าวมันไก่ 30 บาท + น้ำอัดลม 15 บาท

จำได้จนถึงวันนี้ว่า เป็นมื้อที่ผมมีความสุขที่สุดในโลก เพราะ…..ผมได้อดทนมาถึงขนาดนี้ได้ ด้วยเงินแค่ 800 บาทอยู่ได้ทั้งเดือน

หลังจากเงินเดือนออก 9000 บาท ผมก็เอาเงินไปมัดจำห้องคอนโดเก่าๆ มีห้องน้ำในตัว เช่าเดือนละ 1500 บาท แล้วที่เหลือ ผมก็ไปพาลูกเมียมาอยู่ด้วยกัน (ตอนนั้นเมียกำลังท้องประมาณ 6 เดือน) เหลือเงินจากหักย้ายบ้าน มัดจำคอนโดนแล้ว เหลือประมาณ 5 พันบาท ซึ่ง 5 พันบาทนี้สำหรับ 3 ชีวิต และ อีก 1 ชีวิตในท้อง ผมคิดว่ามันเพียงพอแล้ว กินได้อาทิตย์ละ 1 พันเหลือเฟือเลย

นั่นแหละครับ ชีวิตที่ต้องเสี่ยง และ เดิมพัน เพื่อคนอื่น ทุกอย่าง ทุกปัญหามีทางออกครับ เพียงแต่เราต้องใช้สติ และ ปัญญาให้รอบคอบ

เพิ่มเติมครับสำหรับท่านที่เป็นห่วง…….เรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องที่เกิดเมื่อ “สองปีที่แล้ว” ก่อนลูกคนเล็กจะคลอดครับ ณ.วันนี้ ผมก็อยู่ได้เรื่อยๆครับ ไม่ถึงกับรวย แต่ก็ไม่ลำบากมาก สิ่งที่ผมเจอมานั้น อยากจะแชร์ให้ท่านที่คิดว่า ท้อ เหนื่อย เบื่อ เครียด เสียใจ ฯลฯ กับชีวิตที่สิ่งไม่ดีเข้ามาหาเรา

ผมอยากให้ท่าน อย่าถอย จงสู้กับมันครับ สู้ด้วยสติ และ พิจารณาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น บางสิ่ง เรามองเห็นแต่ไม่ได้สนใจ ทางหลายๆอย่างมันมีทางออกแน่นอน

คนตกงาน ขอให้สู้ต่อครับ ผมก็ตกงานเกือบครึ่งปีมาก่อน

คนเป็นหนี้สิน หาทางสู้ครับ ผมก็เป็นหนี้มากมายก่อนเป็นแสนๆ

คนมีปัญหาครอบครัว หันหน้าคุยกันครับ มีอะไรจะพูด บอกให้หมดทุกอย่าง แล้ว ช่วยกันเดินไปด้วยกัน
ฯลฯ

ผมเชื่อว่าเราทุกคน ท้อได้ แต่อย่าถอยครับ ถ้าเหนื่อยก็นั่งพัก ให้หายเหนื่อย แล้วลุกขึ้นเดินต่อครับ

สักวันหนึ่ง มันต้องเป็นของเรา ช้าได้แต่ขอให้สู้ครับ

ขอขอบคุณ : เรื่องเล่าพันทิป

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here