จงใช้ชีวิตเหมือนดั่ง “ผ้าที่สกปรก” ผู้เสียสละ ให้ข้อคิดและกำลังใจ

0

จงใช้ชีวิตเหมือนดั่ง “ผ้าที่สกปรก” ผู้เสียสละ ให้ข้อคิดและกำลังใจ

แน่นอนว่าใครก็ต้องไม่ชอบเพราะมันเป็นผ้าเก่าและมากด้วยความสกปรก ที่เอาไว้คอยเช็ดแต่สิ่งที่สกปรกจนหลายๆ คนลืมนึกไปว่า “ผ้าขี้ริ้ว” ยอมให้ตัวเองสกปรกเผื่อให้สิ่งอื่นสะอาด เรื่องนี้ให้ข้อคิดเเละกำลังใจในการใช้ชีวิตได้ดีมากๆ เลยที่เดียว

ความหมายของการเปรียบเทียบ “ผ้าขี้ริ้ว” ที่ไม่ควรดูถูก

“ผ้าขี้ริ้ว” ยอมให้ตัวเองสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด

คนบางคนชีวิตก็เปรียบเสมือน “ผ้าขี้ริ้ว” ที่ยอมทนทุกข์ยากลำบากทำงานหนัก เพื่อเสียสละให้คนที่รักมีความสุข

“ผ้าขี้ริ้ว” ช่วยเช็ดความสกปรกได้ แต่ก็สามารถกำกัดความสกปรกออกจากตัวได้

คนที่รู้ตัวเองอยู่เสมอว่าตนกำลังทำอะไรอยู่สิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แล้วเมื่อถึงเวลาต้องทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วเลิกทำได้นั้นก็เหมือนกับ “ผ้าขี้ริ้ว” ที่สามารถทำความสะอาดตัวเองให้สะอาดได้

“ผ้าขี้ริ้ว” ผ้าที่สะอาดที่สุด

ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเองรู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดี ให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง

“ผ้าขี้ริ้ว” ถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้

เปรียบได้ดั่งคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการลงมือทำงานไม่ใช่ด้วยการประจบสอพลอ ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น

“ผ้าขี้ริ้ว” ไม่เคยเกี่ยงงานว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร

เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงาน ไม่ว่าจะเป็นงานใดๆ ก็ตาม คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน

“ผ้าขี้ริ้ว” ยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด

เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร

“ผ้าขี้ริ้ว” พอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด

เหมือนคนควรพอใจ ที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีมากที่ผู้น้อยบางคนทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น

“ผ้าขี้ริ้ว” ทนทานต่อการขัดถูซักล้าง ไม่เปราะบาง

เหมือนคนที่มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้ เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน

“ผ้าขี้ริ้ว” แม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่

เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกคนปรามาสสบประมาท จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรคตรงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น รู้ตัวตลอดเวลาว่า กำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรกเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง

ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก ไม่เลือกงานก็ไม่มีทางยากจน ไม่ดูถูกตัวเองแม้ใครจะมาดูถูกก็ตาม ใครไม่รู้เเต่เรารู้ตัวเองเสมอว่าเราทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเปรียบเหมือนดั่งเช่น “ผ้าขี้ริ้ว” ที่ยอมเลอะเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด ขนาดที่ยอมเสียสละยังมีคนมาดูถูกเเละรังเกียจได้ ฉะนั้นอย่าไปสนใจคนอื่นสนใจคนที่เห็นคุณค่าในตัวเราและรักเราก็พอ

ขอบคุณข้อมูลจาก : FW Mail

เขียน / เรียบเรียง : Postsara

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here