โดนไปเกือบ 10 ล้าน จึงได้เรียนรู้ บทเรียนที่ได้จากการทำธุรกิจ
คุณผู้อ่านเป็นคนที่ทำธุรกิจใช่หรือไม่ครับ ถ้าใช่คุณมาถูกทางแล้ว โปรดอย่าเลื่อนผ่านบทความดีๆแบบนี้ เพราะว่าไม่ได้มีให้อ่านกันง่ายๆ สำหรับในวันนี้เรามีข้อคิดเตือนใจ 100 ข้อ สำหรับคนที่ทำธุรกิจมาแล้วแล้วเขาได้มาเล่าประสบการณ์เพื่อตัวของเขาเอง อ่านแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์มากๆ ใครคิดที่อยากจะแชร์เก็บไว้ก็เชิญ
วันนี้เราจะมาสรุปบทเรียนที่ได้จากการทำธุรกิจ เป็นตะกอนความคิดที่ผมได้พบเจอมาตลอดเวลาที่ทำธุรกิจและได้จดบันทึกไว้ทุกวัน บางข้ออาจจะใช้ได้ในปัจจุบัน บางข้ออาจจะใช้ไม่ได้แล้ว มันขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลา ขึ้นอยู่กับธุรกิจประเภทนั้นๆ ลองอ่านเล่นๆดูนะครับ
ผมเชื่อว่าถ้ามีคนอ่านบทความนี้ 100 คน
จะต้องมีคนเก็บบทความนี้ไว้อ่านต่อมากกว่า 90 คนแน่นอน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์โดยตรงต่อตัวผู้อ่านแน่นอน
– พาร์ทเนอร์ที่ดีต้องทะเลาะกันตั้งแต่วันแรก ด่ากันให้จบ ตกลงกันให้เคลียร์ ผลประโยชน์ต้องชัดเจน อย่าร่วมธุรกิจด้วยความเกรงใจ เดี๋ยวจะเสียเพื่อนในอนาค
– พาร์ทเนอร์ พาร์ทเนอร์ที่ดีต้องรู้จักนิสัยใจคอ ทัศนคติเหมือนกันและรู้จักกันมาหลายๆปี อย่าหาพาร์ทเนอร์เพราะเค้ารวย เพราะเรื่องบางเรื่องเงินก็แก้ปัญหาไม่ได้ เงินไม่ใช่ทุกอย่างของธุรกิจ
– อย่าหาพาร์ทเนอร์ที่ไม่มีเวลา เพราะธุรกิจต้องการการดูแล ไม่ใช่จะมานั่งกระดิกเท้าแล้วได้เงิน
– อย่าหาพาร์ทเนอร์สายวิชาการ เพราะความรู้เค้าเยอะเกิน คิดเยอะทุกจุด จนเราไม่กล้าทำอะไร เเต่เหมาะจ้างมาไว้เป็นผู้บริหาร
– พาร์ทเนอร์ที่ดีเวลาอยู่ด้วยกันต้อง Synergy กัน มีความถนัดแต่ละด้านและช่วยเหลือกันได้ดี ไม่ใช่แค่บวกกัน หรือรวมกันแล้วช่วยกันนั่งงงเพราะทำไรไม่เป็น
– ธุรกิจเจ๊งอันดับต้นๆเกิดจากการไม่เข้าใจกันของพาร์ทเนอร์ ดังนั้นถ้าเจอเพื่อนที่เป็นพาร์ทเนอร์ดีๆ รักษาไว้ เพราะสำคัญมากกว่าปัญหาธุรกิจมากนัก
– อย่าให้เพื่อนยืมเงิน เพราะจะเสียทั้งเงินและเสียทั้งเพื่อน
– มองให้ออกว่าธุรกิจที่สนใจเป็นเทรนด์หรือเป็นแค่กระแส ต้องคิดดีๆว่า อีก 1 ปี 3 ปี 5 ปี มันยังอยู่มั๊ย
– ธุรกิจต้องคุยกันประจำสม่ำเสมอ ธุรกิจไหนคุยกันอาทิตย์ละครั้ง คุณช้ากว่าบริษัทอื่นไป 7 วัน แล้ว เดือนหนึ่งคุณคุยกัน 4 ครั้ง คู่แข่งทำไปแล้ว 30 วัน
– ธุรกิจที่ไม่มีเวลาดูแล ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ทำธุกิจต้องดูแล มันไม่มีทางอยู่เฉยๆ แล้วเงินจะมา ต้องลงมือ ต้องลงแรงไม่มีใครรักธุรกิจเราเท่าตัวเราเอง
– อย่าทำธุรกิจที่เราไม่สามารถดูแลได้หรือไม่มีความรู้ หรือต้องพึ่งคนอื่นเป็น core หลัก เพราะเราจะเหนื่อยและไม่มีอำนาจต่อรอง
– จ้างคนมีประสบการณ์ย่อมดีกว่าคนไม่มีประสบการณ์ บางครั้งอาจแพงหน่อยแต่คุ้มค่า
– อย่าหลงคารมคนขี้โม้ที่มีแต่โปรไฟล์แต่ไม่มีผลงาน
– ทำธุรกิจอย่าหน้าใหญ่ อย่ามือหนัก จ่ายมั่ว ควรลงทุนในสิ่งที่สร้าง Cashflow ให้บริษัท หรือเป็น Core หลักของบริษัทก่อน อย่าลงทุนไปในสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้
– ธุรกิจเป็นเหมือนเด็กที่ต้องปั้น ต้องรอเวลาให้เติมโต ไม่มีใครเซทธุรกิจแล้วพร้อมสมบูรณ์แบบ 100% ตั้งแต่วันแรก ควรแบ่งเป็นเฟสๆ
– อย่าทำธุรกิจฉาบฉวยเพราะเครดิตสำคัญกว่าเงิน รักษาไว้ให้ดี คนไม่มีเครดิต เงินซักบาทก็หายาก แต่คนมีเครดิต เงินเท่าไหร่ก็หาได้
– ธุรกิจเป็นเรื่องของแบ่งปันผลประโยชน์ ทุกอย่างตกลงได้หมด ไม่มีสัญญาหรือดีลอะไรเป๊ะ ลงตัว บางอย่างมันตั้งไว้เผื่อต่อ
– ทำธุรกิจอย่า take all แต่ต้องวิน วิน วิน ทุกฝ่าย ไม่มีใครอยากทำธุรกิจแล้วไม่ได้กำไรหรอก คนอื่นจะไม่อยากทำงานด้วย ทุกคนต้องได้เงินเหมาะสม
– ทำธุรกิจต้องมองภาพกว้าง มองระยะยาวให้ออก อย่าโลภอยากรวยไว โดยไม่นึกถึงคนอื่น
– สินค้ามูลค่าเกินสองสามล้าน ควรร่างสัญญาให้ละเอียด ค่าทนายร่างสัญญาไม่กี่บาทหรอก แต่จะช่วยลดความเสียหายได้หลายล้านมาก
อยากได้ ล้าน บางครั้งต้องเอา แสน แลก
อยากได้ แสน บางครั้งต้องเอา หมื่น แลก
อยากได้ หมื่น บางครั้งต้องเอา พัน แลก
– ไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่ลงทุน ไม่ลงแรง ไม่ลงความรู้ แล้วจะรวยได้ และต้องถามตัวเองดูว่า สิ่งที่คุณทุมเทไป มันมูลค่าเท่าไหร่
– เมื่อคุยรายละเอียดงานเสร็จให้ สรุปและคอนเฟิร์มงาน หรือเซนสัญญาทุกครั้ง ไม่เช่นนั้น จะโดนตอดนิดตอดหน่อยหรือเกิดเรื่องที่ไม่เป็นตามตกลงได้
– เจ๊งบนกระดาษให้หมด ดีกว่าเสียเงินหลายล้านเพราะความไม่รู้ วิเคราะห์ให้ครอบคลุมทุกประเทศ นึกภาพในหัวให้ออก
– การสั่งผลิตสินค้าลอตแรกแพงเท่าไหร่ก็ได้ ขอให้ได้สินค้าจำนวนที่น้อยๆที่สุด เพราะเราต้องซื้อมาลองตลาดก่อน ซื้อมาดูฟีดแบคลูกค้าก่อน ดู Flow ดูทราฟฟิคก่อน ลอตต่อไปค่อยสั่งเยอะ
– คู่ค้าที่ดี ไม่ใช่ต้นทุนถูกแล้วจะแข่งกับคนอื่นได้ มันมีเรื่องหาความเชื่อใจ ความสม่ำเสมอ ความเป็นมืออาชีพ เซอร์วิสที่ดี และ การช่วยกันแก้ปัญหาเวลาอีกฝ่ายเจอปัญหาด้วย ไม่ใช่ขายให้แล้วจบไป ต้องคิดเผื่อเค้าด้วย คู้ค้าที่ช่วยแก้ปัญหาให้เราไม่ได้ อย่าไปร่วมงาน มันเหนื่อย
– ต้องหาลูกค้าก่อน ค่อยหาสินค้า อย่าผลิตสินค้าแล้วค่อยมาถามว่าจะขายใคร ขายยังไง ลูกค้าต้องการมั๊ย
– การทำธุรกิจอย่ามองแค่ตัวเอง อย่าประเมินแค่ยอดขายตัวเอง บางครั้งยอดขายมันไม่ได้โกรทขึ้นเรื่อยๆทุกเดือน ต้องประเมินเทรนด์ ประเมินคู่แข่ง จังหวะของตลาด และมิติอื่นๆด้วย หลายคนพัง เพราะลอตแรกขายดี แต่ลอตสองขายไม่ได้
– การดูคน เวลาคุยงาน ให้ดูความสำเร็จของคนที่คุยด้วย เอาผลงงานมาคุยกัน อย่าดูที่มันโม้ อย่าดูที่การเก่งกาย เข็มขัด กระเป๋า ต้องแยกตัวจริงให้ออก
– ทำธุรกิจถ้าทำให้ดีกว่าที่มีอยู่ไม่ได้ อย่าไปทำไม่มีแต้มต่อและเหนื่อยเปล่าๆ
– ระวังคู่แข่งรายใหญ่ เพราะเค้าคิดบิดนิดเดียวเราก็ปลิวได้
– การทำบัญชีสำคัญ เราจะได้รู้ว่าเราควรแบ่งเงินไปลงทุนที่ส่วนไหน การบริหารต้นทุนและรายรับรายจ่าย ก็เป็นหนทางเพิ่มกำไรอีกทางนึง
– ทุกคนในองค์กรมีหน้าที่และความสำคัญแตกต่างกันไป ทำงานให้ถูกหน้าที่ ถ้าไม่เข้าใจหน้าที่ของตัวเอง องค์กรจะยิ่งโตช้า
– ทำธุรกิจกับต่างประเทศ เก็บเงินก่อน อย่าให้เครดิต
– ไปที่ใหม่ที่ไม่คุ้นเคยให้หาพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง อย่าหลับหูหลับตาเดินใสๆเข้าไปให้เค้ากระทืบ
– อย่าคิดว่าเราอยากขายอะไร ต้องถามลูกค้าว่าเค้าต้องการอะไร
– ทำธุรกิจอย่าใจดี ยิ้มบ้างเพื่อสร้างมิตร โหดบ้างเพื่อไม่ให้ใครมารังแก อย่าเป็นเด็กให้เค้าขูดได้
– อย่าอีโก้ คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจแรก ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในธุรกิจต่อไป
– โอกาสมักมากับคนรู้จักใหม่ๆ ยังใช้ได้เสมอ เจอคนให้มาก เจอโลกให้มาก เรียนรู้ให้มาก
– ไม่มีเงิน ก็ใช้แรง ไม่มีแรงก็ใช้ความรู้ แลกมันมา
– ทุกอย่างคือทุน
– คอนเนคชั่นสำคัญกว่าเงินและความรู้ ถึงจะมองดูเหมือนตลกร้าย แต่มันจริง
– เรียนรู้จากความสำเร็จ ถ้าคนอื่นทำได้ แสดงว่าเราก็ทำได้ แต่ต้องขยันให้ได้มากกว่า
– คิดและทำให้มากกว่าพูด อย่าเป็นนักธุรกิจสายคำคม สายอ่านหนังสือเยอะ แต่ไม่ลงมือทำซะที
– เวลาสำคัญกว่าเงิน เงินหมดหาใหม่ได้ แต่เวลาเมื่อเสียไปแล้วไม่สามารถกลับมาอีกได้ เพราะเวลา เดินเป็นเส้นตรง ไม่ใช้เดินเป็นวงกลม
– ขยันให้ถูกจุด ไม่งั้นจะเหนื่อยฟรี
– อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วหรือเกิด ego จากความสำเร็จ อย่ายึดติดกับความสำเร็จ เมื่อไหร่หน้าใหญ่ เมื่อนั้นเตรียมพัง อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงหรือวางแผนหาช่องทางใหม่รอตลอดเวลา
– อย่าทำตามทุกความคิดเห็น ต้องดูผลลัพธ์โดยรวม การฟังทุกความคิดเห็นทำให้บริษัทเจ๊งแน่นอน บางเรื่องยอมแล้วทำให้พัฒนาควรฟัง บางเรื่องยอมแล้วไม่ทำให้ส่วนรวมดีขึ้น เราควรยึดธงของเรา
– มันมีนักธุรกิจแบบคบได้ กับ แบบคบไม่ได้
– นักธุรกิจที่ดีดูที่พฤติกรรมที่ผ่านมา อย่าดูที่คำพูด ยิ่งพวกที่ชอบพูดว่าทำเพื่อคนอื่นนี่ต้องคิดดีๆ
– เวลาหาลูกค้าหรือขอคอนแทค เราควรเก็บเบอร์ที่เค้ามา อย่ารอให้เค้าโทรมา เดี๋ยวตามไม่ได้
– จงลงทุนกับคนขยันลงมือทำ คิดบวก มีไฟ ความสม่ำเสมอ และ อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่มีสิ่งพวกนี้
– การจ้างมืออาชีพทำงานดีกว่าจ้างถูกๆ แล้วมาตามแก้ทีหลัง
– รู้จักใช้เครื่องมือควบคุม Performance ตัวเองเช่น ตารางงาน ตารางนัดหมาย to do lists
– ต้องโฟกัส ไม่มีใครประสบความสำเร็จทุกเกมส์ ไม่มีใครรวยได้ด้วยการกระจายความเสี่ยง ส่วนความเสี่ยงจัดการได้ด้วยความรู้และการศึกษาหาข้อมูล ยิ่งศึกษามากยิ่งเสี่ยงน้อย
– อย่าเดินตามเกมส์ของคนอื่นหรือก็อปปี้คนอื่น ธุรกิจคือสงคราม กลยุทธ์ และ จังหวะ ต้องหาแนวทางของตัวเองให้เจอ
– อย่าทำธุรกิจเป็นวันๆ ต้องรู้จักวางแผนล่วงหน้า 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ถึงแม้การตลาดปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปเร็ว แต่ก็ดีกว่าทำธุรกิจแบบไม่รู้อนาคตหรือทางเดินที่จะไป
– ต้องมองความสะดวกของลูกค้าเป็นหลัก อย่าสร้างโมเดลมาเพื่อแค่แก้ปัญหาแต่ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
– โลกออนไลน์น่าสนใจก็จริง แต่ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่อยู่ในตลาดออนไลน์ การตลาดแต่ละที่ มันมีอายุที่เหมาะสมกับเครื่องมือแตกต่างกัน
– ต้องมีมาตราฐานวัด Performance ในใจ ว่าตัวเองอยู่เลเวลไหน เมื่อเปรียบเทียบ Performance ของตลาด ตอนนี้เราเดินหน้าหรือถอยหลัง เพื่อที่จะได้แก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น
– ใช้กฎ 20/80 ให้เป็น งานมี 2 แบบ แบบแรกคืองาน Routine เป็นงานที่ทำประจำเพื่อรักษาสถานะของธุรกิจ ส่วนงาน New project เป็นงานเพื่อสร้างสถานะของธุรกิจในอนาคต
– ส่วนงาน Routine ควรกระจายงานออกไปให้ได้มากที่สุด ควบคุมอยู่ห่างๆ และเฝ้าติดตามเมื่อมีปัญหา / ส่วนงาน New Project ต้องให้เวลากับมันจนกว่ามันจะเปลี่ยนเป็นงาน Routine และรอกระจายงานต่อไป
– นักธุรกิจที่บริหารเวลาตัวเองไม่ได้ เอาตัวเองลงไปทำงานทุกอย่างเพราะเชื่อว่าตัวเองทำงานออกมาได้ดีที่สุด ไม่เชื่อมั่นในทีม สุดท้ายก็จะเหนื่อยและจากไปในที่สุด ต้องรู้จักวางระบบและบริหารเวลาให้เป็น
– อย่าเป็นเจ้าโปรเจคที่วางแผนไว้สวยหรูแต่ไม่ลงมือทำซักอย่าง
– เราไม่สามารถควบคุมคนได้ ถ้าเป้าหมายของเค้าไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับ
– เรา ทุกๆคนไม่ชอบให้สั่ง แต่ควรอธิบายให้เค้าเข้าใจและลงมือทำให้เค้าดู
– คน เป็นเรื่องของความหลายและแตกต่าง เพราะโตมาไม่เหมือนกัน อย่าได้คิดจะเอาชุดความคิดอันเดียว ไปใส่ให้กับทุกคน ต้องเรียนรู้และยอมรับในความหลากหลายและสิ่งที่เค้าเป็น
– เจอลูกน้องคิดลบอย่าคิดเอามาร่วมองค์กร /เจอลูกน้องทำงานดีขยันให้รักษาเท่าชีวิตให้เหมือนคนในครอบครัวของเรา / เจอลูกน้องไม่ฉลาดแต่ขยัน ไล่ออกเพราะมันเกิดความเสียหายจริงๆ เหมือนในตำราเลย
– ควรให้เกียรติลูกค้าไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ ลูกค้ารายเล็กอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของที่อื่นหรือเค้าอาจเติบโตเป็นรายใหญ่ในอนาคตได้เช้นกัน
– ทำธุรกิจมันจะมีช่วงลงทุน ช่วงเติบโต และช่วงเก็บเกี่ยว อย่าพึ่งเก็บเกี่ยวเร็วเกินไป มันจะทำให้ธุรกิจโตช้า
– Work life balance ใช้ได้กับคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้วเท่านั้น ถ้าคุณพึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณต้องใช้แรงไปให้เต็ม 100% ถ้าทำงานประจำด้วย คุณต้องใส่ไป 200% ห้ามใส่ไป 50 50
– ไม่มีคำคมไหนปลุกใจคุณได้ทั้งชีวิตถ้าไม่ลงมือทำอะไรซักที อ่านหนังสือร้อยเล่ม ฟังคนเก่งพูดร้อยครั้ง ก็ไม่มีทางไปไหนไกล
– อย่าทำสินค้าบริการที่ลูกค้าไม่อยากได้
– ต้องหาของที่ใช่มาขายคนที่ใช่
– เงินสดโคตรสำคัญ ต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก
– กระแสเงินสด(cashflow) สำคัญ กว่าเงินสด (cash)
– สินค้าห่วยคือจบ ไม่ต้องไปวิเคราะห์อะไรต่อ
– สินค้าดีจะทำอะไรต่อก็ง่าย แต่สินค้าดีกับสินค้าขายดีไม่เหมือนกัน
– ยุคต่อไปเป็นยุคของความเร็วและความรู้
– ไม่ทำมาร์เกตติ้ง คุณก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจยาก
– feedback ลูกค้า คือเสียงสวรรค์ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนา ถ้าเค้ายิ่งบ่น แปลว่าเค้าใส่ใจ
– ธุรกิจมันมี cycle และจังหวะของมัน ถ้าไม่ใช่อย่าฝืน ต้องรอ
– แม้จะคิดมาเยอะขนาดไหน พอลงสนามจริงก็มีเรื่องให้ปรับอยู่ดีเป็นเรื่องปกติ อย่าคิดมาก
– ทุกการลงทุน เราต้องประเมินให้ได้ว่าเคสหนักสุดที่เราจะสูญเสียคืออะไร ต้องคิดไว้ตั้งแต่แรก อย่าคิดตอนมันขาดทุนแล้ว มันเครียด เช่น โปรเจคนี้โดนอย่างมากแสนนึง ถ้าคิดว่าไหว ก็ทำ ไม่ต้องมาเสียใจ กันขาดทุนไว้เลย
– อย่าทำการตลาดเกินตัว ธุรกิจแต่ละช่วงมีขนาดที่เหมาะสมกับไซท์ค่าการตลาด ธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่องของเงินอย่างเดียว
– ดีลที่ดี มันต้องใช่ทั้งดีล และ คนดีล ยิ่งถ้าคนดีลที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แล้วแต่งตัวจัดเต็มแบรนด์เนม ตั้งแต่เข็มขัด กระเป๋า นาฬิกา หรูๆ นี่ต้องเชคดีๆเลย อาจจะตัวปลอม 55
– อยากรวยต้องคุยกับคน ไม่รู้ต้องถาม ถ้าอยากจนก็เงียบไว้ ไม่ต้องคุยกับใคร
– ทำแบบเดิม เเต่หวังยอดขาย 2-3 เท่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และทุกระดับยอดขาย มีวิธีการได้มาแตกต่างกัน
– เมื่อไหร่ที่เก่งสุดๆ ต้องพิจารณาตัวเอง
– ต้องรู้จักให้เครดิตคนอื่น ให้พื้นที่เค้าได้แสดงออก แสดงความสามารถ
– เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ แต่เราสามารถควบคุมปัจจัยภายในจิตใจเราได้ ดังนั้นแก้ที่ตัวเองง่ายกว่า รอให้คนอื่นแก้ อย่าเอาแต่โทษคนอื่นหรือโทษโชคชะตา
– เราไม่สามารถชนะทุกเกมส์ได้ บางครั้งมันก็มีวันที่ผิดหวังอยากร้องไห้ แต่มันคือเรื่องปกติของธุรกิจ มาทำธุรกิจไม่ใช่มาเดินพรมแดง ขอแค่ไม่ยอมแพ้ แล้วเดินต่อไปก็พอ
– ผู้บริหารมีหน้าที่บริหารปัญหา ถ้ากลัวปัญหาอย่ามาเป็นผู้บริหาร
– ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ถ้าคุณไม่มีเวลาแปลว่างานนั้นไม่สำคัญกับคุณพอ
– อย่ามองธุรกิจเป็นจุด ต้องมองเป็นช่วง วันนี้แกร่ง วันหน้าอาจมีคนเเกร่งกว่า เกมมันเปลี่ยนทุกวัน
– คนอีโก้จัด คิดลบจัด อย่าเข้าใกล้ เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอยู่ดี
– คำพูดของคนประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ธงที่ต้องยึด บางอย่างเค้าอาจคิดผิดก็ได้ เค้าประสบความสำเร็จในเรื่องของเค้า ไม่ใช่ทั้งโลก
– ถ้าคุณทำงานด้วย Passion คุณไม่มีทางสำเร็จ
– คุณต้องมี Management skill ด้วย
– Day to day คือ Manager / Day to tomorrow คือ Leader
– pull สำคัญกว่า push สินค้าที่ดีผู้บริโภคต้องต้องการและถึงมือผู้บริโภค
– Risk ของการไม่ทำ สูงกว่าทำเสมอ และการไม่ตัดสินใจคือการหนีปัญหาและเป็นการตัดสินใจแบบหนึ่ง
– การลงมือทำธุรกิจ ทำงาน ผลลัพธ์มันเกิดขึ้นได้ 2 ทาง ถ้าทำแล้วเวิร์คก็ทำต่อไป ถ้าทำแล้วล้มเหลวก็แค่แก้ไข จนกว่ามันจะลดลง จนกว่ามันจะหมด ถ้าไม่หมดก็คัต ยอดขาดทุน แล้วก็ไปทำสิ่งใหม่ ไม่มีใครที่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จตลอดเวลา เจ๊งเป็นเรื่องปกติ ก็แค่เริ่มใหม่ ต้องฝึกยอมรับความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นผลลัพธ์ส่วนหนึ่งของการลงมือทำ อย่าหนีจากมัน ต้องเข้าใจมัน
– Learning สำคัญกว่า Education
– ใช้เวลาให้คุ้มค้า ทำตัวให้พร้อม กับโอกาสเข้ามาถึง
– ปัญหายิ่งใหญ่ ธุรกิจนั้นทำแล้วยิ่งรวย
– ยิ่งส่งผลกับคนในวงกว้างยิ่งรวยใหญ่
– อ่านให้มากๆ ธุรกิจเปลี่ยนทุกวัน มันหมดยุคขายไปเรื่อยๆจนแก่แบบยุคเดิมแล้ว อย่าหลงระเริงกับความสำเร็จ ต้องมีแผนสอง แผนสาม เสมอ
– ควรมีเวลาอยู่เงียบๆ นิ่งๆ ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ และ คุยกับตัวเองบ้าง ทำความเข้าใจความคิด เข้าใจความรู้สึกตัวเอง ว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าตัวเองยังไม่เข้าใจ ก็ยากที่จะเข้าใจธุรกิจที่กำลังจะทำอยู่
ขอบคุณที่อ่านจบทั้ง 100 ข้อนะครับ
ทั้งหมดนี้เป็นสรุปค่าครูทั้งหมดที่ผมไปเจอมา ใครอ่านจบแล้วโดนค่าครูไปกี่ดอก ดอกไหนมาบ้างครับ มาแชร์กันหน่อยนะ
หวังว่าบทความจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าชอบฝากกดแชร์ด้วยนะจ๊ะ
เจอกันบทความหน้าสิ้นปี2019
หนึ่งปีหนึ่งบทความ
ขอขอบคุณ : ท็อป ณัฐบดินทร์ ไชยศรี