“น้องน้ำเพชร” เผยเทคนิค คว้า ป.โท ด้วยวัย 21 ปี รอสอบต่อเลย

0

“น้องน้ำเพชร” เผยเทคนิค คว้า ป.โท ด้วยวัย 21 ปี รอสอบต่อเลย

เป็นที่ชื่นชมและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับการศึกษาในบ้านเรา เพราะสามารถเรียนจบระดับปริญญาตรีด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

โดยสาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า “น้องน้ำเพชร” น.ส.ประวีณ์ธิดา จารุนิล เป็นนักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาลัยรามคำแหง ที่ได้เข้าเรียนในระบบ Pre- degree ในขณะที่เรียนอยู่ชั้นม 4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนที่จะจบ ม.6 หรือเทียบเท่าเหลืออีกแค่ 4 วิชาเท่านั้น

สำหรับแรงจูงใจที่ทำให้น้องน้ำเพชร เลือกเรียนระดับอุดมศึกษาให้เร็วกว่าเพื่อนคนอื่นนั้น เนื่องจากว่าเธออยากเรียนให้จบปริญญาตรีเร็วๆ เพื่อจะได้มีโอกาสเรียนต่อปริญญาโทได้เร็วขึ้น รวมทั้งคุณพ่อของเธอก็แนะนำมาเช่นกัน

‘น้องน้ำเพชร’ น.ส.ประวีณ์ธิดา จารุนิล นักศึกษาจาก คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง

“ข้อดีของการจบปริญญาตรีเร็ว ทำให้พัฒนาตัวเองมากขึ้น รู้จักจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสือ เพราะเราก็ต้องมีความพยายามและความอดทนที่จะมีเวลาพักน้อยลง แต่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น เพราะว่าถ้าเราเรียนจบปริญญาตรีเร็วก็มีโอกาสจะไปต่อปริญญาโทได้เร็วขึ้น มีโอกาสไปเรียนอย่างอื่นได้มากขึ้น และทำให้มีประสบการณ์มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน” น้องน้ำเพชร เล่าถึงข้อดีของระบบ Pre- degree

นอกจากนี้ ชีวิต ม.ปลาย ของน้องน้ำเพชรก็ใช้อย่างเต็มที่ไปเที่ยวกับเพื่อนปกติ โดยรู้จักการแบ่งเวลา ซึ่งช่วงเวลาหลังเลิกเรียนม.ปลาย ก็จะกลับบ้านมาทำการบ้าน อ่านหนังสือสอบ เพราะว่าเรียน Pre- degree จะใช้เวลาแค่ช่วงปิดเทอม ซึ่งเวลาสอบจะตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี เพราะฉะนั้น ช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมน้องน้ำเพชรก็จะใช้เวลาอ่านหนังสือที่จะไปสอบกฎหมายแทน โดยการซื้อหนังสือมาอ่านเอง และซื้อข้อสอบเก่ามาฝึกทำ

การเริ่มเรียนในระดับอุดมศึกษาด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปีนั้น มีความพร้อมแค่ไหน โดยน้องน้ำเพชร ตอบว่า “หนูคิดว่าหนูพร้อมที่จะเรียนค่ะ ซึ่งก็มีเพื่อนๆ เรียนบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเรียนถึงชั้น ม.5 พอ ม.6 ก็จะเลือกไปสอบแอดมิดชั่นกัน และหนูก็สอบตรงติดคณะทันตแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ได้ตัดสินใจที่จะเลือกเรียนกฎหมาย เพราะว่าชอบกฎหมายมากกว่าค่ะ”

‘น้องน้ำเพชร’ จบนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ด้วยวัยเพียง 18 ปี

“หากถามว่าเสียดายไหมที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ หนูก็เสียดายเหมือนกันค่ะ แต่ที่ ม.รามคำแหง ก็มีรับน้องเหมือนกัน ซึ่งแล้วแต่ว่าเราจะไปรับน้องตอนปีไหน ก็จะมีกิจกรรมให้ร่วม”

อย่างไรก็ตาม น้องน้ำเพชร วางแผนในอนาคตไว้ว่า หลังจากเรียนจบปริญญาตรี จะสานต่อปริญญาโทกฎหมายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเรียนเนติบัณฑิตต่อไป เพื่อที่จะสอบผู้พิพากษาและสอบอัยการ เพราะว่าความใฝ่ฝันของน้องน้ำเพชรอยากเป็นผู้พิพากษาเพราะเป็นอาชีพที่รักษาความยุติธรรมให้กับสังคม

กระนั้น ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักกับระบบ Pre-degree คืออะไร เรียนอย่างไร ทำไมจบปริญญาตรีได้เร็ว มีดีแค่ไหน ทำไมใครๆ ถึงอยากเรียน ?

หลักสูตรพรีดีกรี ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดโอกาสให้เด็กๆ

ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดี ม.รามคำแหง

หลักสูตรการศึกษา Pre-degree คือ ?

ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดี ม.รามคำแหง อธิบายกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เกี่ยวกับหลักสูตร Pre-degree ที่ริเริ่มมาแล้วหลายปี ภายใต้แนวคิดที่เชื่อว่าเด็กคนใดที่มีศักยภาพเรียนวิชาในระดับปริญญาตรี ก็สามารถที่จะมาลงทะเบียนเรียนได้

ซึ่ง Pre-degree เป็นหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้เรียนปริญญาตรีล่วงหน้า โดยใช้วุฒิ ม.3 และกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นม.ปลาย หรือ ปวช. ปวส. และ กศน. จากนั้น เมื่อจบการศึกษาชั้น ม.6 จึงจะสมัครเป็นนักศึกษาภาคปกติ โดยเทียบโอนหน่วยกิตที่สะสมไว้ตอนเรียน Pre- degree เพื่อเรียนต่อจนครบตามหลักสูตรและสำเร็จการศึกษา

สำหรับข้อดีของระบบ Pre-degree นั้น ทำให้เด็กที่มีศักยภาพและอยากจะเรียนมีโอกาสได้เรียนอย่างเต็มที่ และหลักสูตรนี้ยังช่วยเสริมในการเรียนระดับชั้น ม.ปลาย ของเด็กด้วย เนื่องจากเนื้อหาจะกว้างกว่าในหลักสูตรชั้น ม.ปลาย ทำให้เด็กเปิดโลกวิชาการมีความรู้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้สำเร็จการศึกษาได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาหลังจากเรียนจบ ม.6 เพียงแค่ 1 เทอม และไม่ได้ทิ้งมาตรฐานและคุณภาพการศึกษา

ขอขอบคุณ : PR Ramkhamhaeng University

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here