“เรื่องนี้ดีมาก ใครได้อ่านมีความสุขทันที ทันตา ทันใด”

0

“เรื่องนี้ดีมาก ใครได้อ่านมีความสุขทันที ทันตา ทันใด”

ณ ครั้งพุทธกาล…

พระพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่กลางป่า ช่วงปลายฝนต้นหนาว

มีชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเป็นคนเลี้ยงโค (นายโคบาล) ได้มาพบเข้ากับพระพุทธเจ้า

ซึ่งไม่ทราบว่าเป็น ‘พระพุทธองค์’ จึงเข้าไปถามว่า…

‘ขอโทษขอรับ ท่านเป็นใคร’

พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบว่า…

‘เราตถาคต‘

นายโคบาลตกใจ บอกว่า…

‘พระองค์มานั่งอยู่กลางป่าได้อย่างไร พระองค์มีความสุขไหม?’

พระพุทธองค์ จึงทรงตรัสตอบว่า…

“เธอรู้ไหม ในบรรดาคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ฉันเป็นหนึ่งในนั้น”

นายโคบาลได้ยินพระดำรัสเช่นนั้น ถึงกับตัวชาและมีความปิติ ด้วยอำนาจของพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า…

“เธอกำลัง ทำอะไร?”

นายโคบาลตอบว่า…

‘หม่อมฉัน ตามหาวัวขอรับ’

พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า…

‘วัว กี่ ตัว?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘๑๖ ตัว ขอรับ’

พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า…

‘แล้วตอนนี้ วัว อยู่ไหน?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘วัวหายทั้งหมดเลยขอรับ’

พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า…

‘เธอคิดว่าฉันมีวัวไหม?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘ไม่มีขอรับ’

พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า…

‘คนไม่มีวัวอย่างฉัน มีโอกาสทุกข์เพราะไม่มีวัวไหม?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘ไม่มีขอรับ’

พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า…

‘เห็นไหมว่า คนมีวัว ทุกข์เพราะวัว คนไม่มีวัว ก็ไม่ทุกข์’

พระพุทธเจ้า ตรัสถามต่อ…

ในเมืองนี้ ใครมีอำนาจ มีเงินทองมากที่สุด?

นายโคบาลตอบว่า…

‘พระเจ้าพิมพิสารขอรับ’

พระพุทธเจ้า ตรัสถามต่อ…

‘พระเจ้าพิมพิสารมีอำนาจเงินทองที่สุดในเมือง มานั่งเล่นกลางป่าอย่างฉันได้ไหม?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘ไม่ได้ ขอรับ’

พระพุทธเจ้า ตรัสถามต่อ…

‘ก็มีอำนาจ เงินทองขนาดนั้น ทำไมมานั่งเล่นอย่างฉันไม่ได้?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘ถ้าพระเจ้าพิมพิสารออกมานั่งเล่นชายป่าอย่างพระองค์ ก็จะถูกปฏิวัติได้ขอรับ’

พระพุทธเจ้า ตรัสถามต่อ…

‘เห็นไหม…ระหว่างฉันกับพระเจ้าพิมพิสาร ใครมีความสุขกว่ากัน?’

นายโคบาลตอบว่า…

‘พระพุทธองค์ ขอรับ’

……………………………………………………………..

พระพุทธศาสนาสอนว่า…วิถีแห่งความสุขไม่ได้อยู่ที่ ‘ความมี’ หรือ ‘ความจน’

แต่อยู่ที่เรา จงยินดีในสิ่งที่มี รู้จักพอดีในสิ่งที่ได้ เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว

โค 16 ตัวที่ทุกคนเลี้ยงไว้ มีตั้งแต่ พระราชา เศรษฐี ประชาราษฎร์ทั่วไป พ่อค้า ฯลฯ

พระพุทธเจ้าไม่มี พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่มี พระอรหันต์ไม่มี

พระอนาคา พระสกิทาคา พระโสดาบัน มีน้อย

ปุถุชนทั่วไปมีมากหนาแน่น … เรียกว่า อุปกิเลส 16

อุปกิเลส (อ่านว่า อุปะกิเหลด) แปลว่า ธรรมชาติที่ทำให้ใจเศร้าหมอง, เครื่องทำให้ใจเศร้าหมอง หมายถึง สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมองขุ่นมัวไม่แจ่มใส ทำให้ใจหม่นไหม้ ทำให้ใจเสื่อมทราม กล่าวโดยรวมก็คือ ‘สิ่งที่ทำให้ใจสกปรก ไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์นั่นเอง’

อุปกิเลส แสดงไว้ 16 ประการคือ

1. ความเพ่งเล็งอยากได้ไม่เลือกที่

2. ความพยาบาท

3. ความโกรธ

4. ความผูกเจ็บใจ

5. ความลบหลู่บุญคุณ

6. ความตีเสมอ

7. ความริษยา

8. ความตระหนี่

9. ความเจ้าเล่ห์

10. ความโอ้อวด

11. ความหัวดื้อถือรั้น

12. ความแข่งดี

13. ความถือตัว

14. ความดูหมิ่น

15. ความมัวเมา

16. ความประมาทเลินเล่อ

ดังนี้แล…

ขอขอบคุณ : ได้คิดก็คิดได้

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here