คนที่เข้าใจคุณแค่คนเดียว ดีกว่าคนที่รักคุณ 10 คน

0

คนที่เข้าใจคุณแค่คนเดียว ดีกว่าคนที่รักคุณ 10 คน

คนมากมายที่ล้วนอยากจะมีการใช้ชีวิตแบบมีความสุข และอยากจะมีคนรักอยู่รอบตัว ก็มักจะคาดหวังสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรามากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเกิดการสูญเสียและไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ก็มักจะทำให้เกิดความทุกข์และความผิดหวัง ซึ่งหลายๆคนไม่เข้าใจวิธีการใช้ชีวิต แต่เมื่อไหร่คุณมีความเข้าใจแล้ว บางทีการถูกเข้าใจ นั่นก็คือความสุขอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น

บนโลกใบนี้วันนี้คนอยู่ 100% แต่จะถูกแบ่งเป็น 20% ที่แค่เจอหน้าคุณก็ชอบคุณโดยที่ไม่มีเหตุผล และยังมีคนอีก 20% ที่เจอหน้าคุณก็เกลียดคุณได้โดยที่ไม่มีเหตุผลเช่นเดียวกัน ในส่วนที่เหลืออีก 60% อยู่ในสถานะที่เป็นกลาง

หากตัวเรานั้นให้ความสนใจกับคนที่เกลียดเราโดยไร้เหตุผล ก็จะทำให้ชีวิตของเราเกิดความรำคาญใจและไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต แต่ถ้าหากว่าเราให้ความสนใจกับคุณ 20% ที่ชอบในตัวเรา เราก็จะมีความสุขในสิ่งนั้นๆ

ได้มีอาจารย์ท่านหนึ่ง เขาได้เคยพูดเอาไว้ว่า ในตอนที่ท่านเพิ่งเป็นครูนั้น มักจะให้ความสนใจกับเด็กนักเรียนที่ไม่ชอบในคลาสของท่าน ยิ่งสนใจคนเหล่านี้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งค้นหาวิธีให้คนเหล่านั้นชื่นชอบ เมื่อเวลาผ่านมาท่านได้พบว่าท่านมีความคิดที่ผิด เพราะในบางครั้งแม้ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนก็ตามแต่ ก็จะมีคนจํานวนหนึ่งที่ไม่ชื่นชอบคลาสเรียนของท่านอยู่ดี

หลังจากนั้นท่านจึงไปให้ความสำคัญกับคนที่ชอบเรียนคลาสของท่านแทน แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ในเวลานั้นในสายตาของท่าน ล้วนมีแต่คนที่ชอบชั้นเรียนของท่าน เสียงตอบรับจากนักเรียนเหล่านั้นทำให้ท่านมีพลังมากขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้ท่านสอนดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วนักเรียนกลุ่ม 20% ที่ไม่ชอบคลาสของท่านก็ค่อยๆ ได้รับอิทธิพลความชื่นชอบในความกระตือรือร้นและพรสวรรค์ของท่าน สุดท้ายทั้งห้องเรียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลง วิชาของท่านเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตของท่านก็ยิ่งมีความสุขและมั่นใจ

ชีวิตของคนเรา เพราะโชคชะตาจึงได้พบกัน เพราะรักจึงอบอุ่น เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ก็เป็นแบบนี้ สิ่งที่ควรมาก็จะมาเอง หวังในสิ่งที่ไม่ควรมาก็ไร้ประโยชน์ เพราะพรหมลิขิต ไม่จำเป็นต้องผลักดัน ไร้พรหมลิขิต ร้องขอก็ไร้ผล ยินดีกับสิ่งที่เข้ามา บอกลากับสิ่งที่จากไป

ปล่อยทุกอย่างไปตามโชคชะตา! เรื่องราวต่างๆ บนโลกนี้ยิ่งฝืนยิ่งไม่สมหวัง สิ่งที่พวกเราทำได้ก็คือ พยายามทำตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องเสียใจ

ในชีวิตของเรา มีแค่เพียงสองสิ่งก็เพียงพอแล้ว

สิ่งแรก แค่คุยกับคนที่เข้าใจคุณในเรื่องที่พวกคุณเข้าใจ คนที่ไม่เข้าใจคุณ คุณสามารถมีอิทธิพลต่อเขา แต่คุณไม่จำเป็นต้องร้องขอ

โลกใบนี้มีคนมากมาย มีคนแค่ 1% ที่เข้าใจคุณ ก็เพียงพอแล้ว เมื่อมารวมตัวกันจะมีพลังที่แข็งแกร่ง เลือกคนที่ศีลเสมอกัน ชีวิตก็จะเรียบง่ายและมีความสุข

สิ่งที่สอง เวลาได้ฟังสิ่งที่ไม่เข้าใจและไม่รู้ เราจำเป็นต้องมีหัวใจของการสำรวจและการยอมรับ

เพราะว่าพวกเขาอาจจะยืนอยู่ในตำแหน่งที่เราไม่เคยไป สิ่งที่พวกเขาเห็นเราไม่เคยเห็น เปิดความคิด เปิดหัวใจ ยอมรับสิ่งที่แตกต่าง เหมือนเด็กๆ ที่สงสัยอยากรู้อยากเห็น…

ในชีวิตของเรา ต้องเป็นตัวของตัวเอง คนที่ชอบคุณยังไงก็ชอบคุณ คุณที่ไม่ชอบคุณก็ปล่อยเขาไว้ตรงนั้น ไม่ต้องโกรธแค้น ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัว ยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

อยู่กับคนแบบไหน คุณก็จะมีชีวิตแบบนั้น

มีคนบอกว่า “อยากรู้จักใครสักคน ให้ไปดูว่าเพื่อนเขาเป็นยังไง” คนๆ นึงจะเป็นยังไง ครึ่งหนึ่งมาจากความรู้และสังคมที่เขาอยู่ อีกครึ่งมาจากครอบครัวและเพื่อน และหลายๆ ครั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากสิ่งชี้นำ พูดง่ายๆ ก็คือ คุณอยู่กับคนแบบไหน คนก็จะมีชีวิตแบบนั้น

1. อย่าเสียเวลากับคนที่มีพลังงานลบ

นักเขียนคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “พลังงานลบจะทำให้มองเห็นแต่ด้านไม่ดีของคนอื่น ด่าว่าความไม่ยุติธรรมของสังคม พลังงานบวกจะบอกคุณหลังคุณพูดจบว่า แม้ว่าจะลำบาก คุณสามารถพยายามจะเปลี่ยนมันได้”

บางคนมองโลกในแง่ดี เวลามีคนที่มีพลังงานลบรอบๆ ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจะเห็นว่าเขาจะแสดงอาการเหนื่อยล้าในไม่ช้า นั่นเป็นเพราะอารมณ์ได้รับอิทธิพลจากคนอื่นได้ง่าย เมื่อต้องอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้อยู่เสมอ จึงมักเกิดภาวะซึมเศร้าได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้ ให้หลีกห่างออกจากคนที่คิดลบ นี่เป็นทางเลือกในชีวิตที่คุ้มค่า ในเมื่อทุกคนกำลังยุ่ง ใครจะมานั่งฟังคุณบ่น

2. เข้าใกล้คนที่ให้พลังบวกกับคุณ

เพื่อนแท้สามารถให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และมีแพสชั่นในการใช้ชีวิต เหมือนประโยคที่ว่า “ชื่นชมกันและกัน ให้กำลังใจกันและกัน… ผู้คนต้องการมีชีวิตที่มหัศจรรย์ สุดท้ายยังไงก็ต้งอาศัยความแข็งแกร่ง”

เพราะว่าการอยู่กับคนที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี สำคัญมาก แต่การอยู่กับคนที่สามารถทำให้ทั้งคู่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น สำคัญกว่า

3. คุณต้องมีแหล่งกำเนิดแสงในใจตัวเอง

หากคุณต้องรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองและเพื่อน วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าหวังว่าคนอื่นจะสามารถให้แสงสว่างแก่คุณ แต่คุณต้องมีแหล่งกำเนิดแสงในใจตัวเอง และแผ่กระจายให้คนอื่น

เหมือนที่มีคนบอกว่า “หากคุณพิการ นั่นอาจจะไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่การบ่นว่าสังคม เรียกร้องหาความเมตตาจากคนอื่น จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ คนเราต้องมองโลกในแง่บวก และทำประโยชน์สูงสุดจากสถานะที่เป็นอยู่ คนที่วิ่งตามผีเสื้อจะได้เห็นดอกไม้สวยงาม ส่วนคนที่ตามแมลงวันก็จะเห็นแต่สิ่งสกปรก

ขอบคุณข้อมูลจาก : LIEKR

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here