ปลูกอะไรก็โต ปลูกได้ทั้งปีดินไม่มีแข็ง เคล็ดลับ ‘การผสมดิน’
เส้นทางการเกษตรวันนี้ ขอเสนอแนะแนวทางที่จะช่วยให้ชาวเกษตรกร หรือแม้แต่มือสมัครเล่นแห่งการเพาะปลูก ได้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องดินและปุ๋ย วิธีผสมดินที่เรานำมาแบ่งปันนั้นสามารถทได้ตลอดทั้งปี โดยที่ติดไม่แข็ง ติดกันเป็นก้อนหรือเสื่อมสภาพ แทบยังให้ผลผลิตที่ดี ปลูกไม้ดอกไม้ประดับก็งดงาม ตามมาดูวิธีการทำกันเลย
1. คุณสามารถนำทรายจากแหล่งน้ำลำธารมาเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ ใช้ทราย 1 ถุง นำมาเทบนกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อตากแดด เพื่อทำให้ดินที่เราผสมไม่เกิดการแข็งตัว นำไปปูไว้ที่ด้านล่างสุดของกระถางให้พอสูงประมาณ 2 เซ็นติเมตรจากก้นกระถาง เพื่อช่วยในการระบายอากาศ
2. ปุ๋ยโฮมเมด คุณสามารถทำปุ๋ยคุณภาพดีได้ด้วยตัวเอง ง่ายมากๆ แค่นำเปลือกผลไม้ เศษผัก หรือเปลือกไข่มาวางทับถมกันบนดินทั่วไป ทิ้งไว้ราว 3 เดือน พื้นดินบริเวณนั้นก็จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ พร้อมแก่การเพาะปลูก สามารถทำไปปลูกพืชต่างๆ ให้เจริญเติบโตอย่างงดงาม
3. หาทราบหยาบที่มีความละเอียดสูงกว่าทรายที่คุณนำมาจากแหล่งน้ำ อาจเเป็นทรายชนิดที่ใช้สร้างบ้าน ให้นำทรายหยาบ ไปผสมกับดินที่เราหมักปุ๋ยไว้ เพื่อช่วยให้ดินร่วนขึ้น ไม่รวมตัวติดกันเป็นก้อน
4. หากใครสามาถหาดินธรรมชาติจากในป่ามาผสมร่วมด้วยก็จะดีมาก เพราะดินที่อยู่ตามใต้ต้นไม้ จะมีการทับถมและหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ เศษกิ่งไม้ใบไม้ต่างๆ จนกลายเป็นดินดีมีแร่ธาตุมากมาย มีคุณค่าสูงมาก
5. ดินควรนำมาผสมอีกอย่างก็คือ ดินที่ปกคลุมด้วยใบต้นสน หรือดินที่มีหญ้าแห้งทับถม จะกลายเป็นปุ๋ยหมักที่ดีมาก ให้เก็บดินเหล่านั้นกลับมาประมาณ 2/3 ของกระถางดอกไม้ที่จะปลูก นำมาคัดกรองเอาเศษก้อนหินหรือสิ่งสกปรกออกจากดิน ก่อนการปลูกพืช ให้ใส่ดินชนิดนี้ลงไปกระถางที่จะปลูกดอกไม้รองจากดินในข้อแรก
6. เพื่อไม่ให้ดินผสมตัวจับกันเป็นก้อน จึงต้องใช้ถ่านหินขี้เถ้าก้อนเล็กๆ มาผสมรวม จะช่วยทำให้ดินไม่เหนียวเกินไป โดยคิดเป็นสัดส่วน 1:10 ของดินในกระถาง
จากนั้นนำดินทั้งหมดที่เหลือมาผสมกัน วางพึ่งแดด 3 วัน เพื่อกำจัดเชื้อโรค เมื่อครบตามกำหนดแล้วก็นำมาปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ ตามแต่ใจคุณได้แล้ว
อาจจะหลายขั้นตอน หลายส่วนผสมสักหน่อย แต่รับรองว่าทำแล้วคุ้มค่า ได้ผลผลิตที่ดี มีไม้ดอกไม้ประดับบานสะพรั่งให้ชมไปอีกสิบปีทีเดียว ปลอดภัย แถมประหยัดเงินได้อีกมาก เพราะส่วนผสมมาจากแหล่งธรรมชาติทั้งนั้น
ขอบคุณที่มา : 17moveon
เรียบเรียงโดย : Postsara
