เรื่องจริงในการใช้ชีวิตคู่ กับแตงโมครึ่งนึงที่เหลืออยู่

0

เรื่องจริงในการใช้ชีวิตคู่ กับแตงโมครึ่งนึงที่เหลืออยู่

เรื่องจริงของชีวิตคู่ ที่อยากให้หลายๆคนได้ทำความเข้าใจกัน เรื่องราวการใช้ชีวิตที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความรักเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีสิ่งอื่นๆเพื่อให้ชีวิตรักยั่งยืนและมีความสุขในทุกวัน

ในบ่ายวันหนึ่ง ตัวผมเองได้เลิกงานกลับบ้าน

อากาศร้อน เหงื่อท่วมตัว และได้เปิดตู้เย็น

พบกับแตงโมแช่เย็นอยู่แค่ครึ่งซีก

เขาดีใจและคว้าแตงโมออกมาแทะกินจนเรียบ

เวลาเพียงไม่นาน ภรรยาของเขาก็กลับมาถึงด้วย

เดินเข้ามาประตู พร้อมบ่นว่า “หิวน้ำ ร้อนมาก!”

เธอได้เดินไปเปิดตู้เย็น พร้อมกับชะงัก ที่เห็นว่า…

แตงโมครึ่งซีกที่เหลือของเธอได้หายไปแล้ว

เธอทำสีหน้าและแววตาไม่พอใจ รีบรินน้ำดื่ม

แต่พอหยิบกระติกขึ้นมา กลับพบว่ากระติกน้ำแห้งสนิท

เธอได้พูดขึ้นมาในทันที

“เธอกลับบ้านมาก่อน ทำไม ไม่ต้มน้ำไว้บ้าง มัวทำอะไรอยู่?”

“แล้วทำไมอะไรๆ ก็ต้องให้ฉันทำ?”

เราสองคนโกรธใส่กันป็นอาทิตย์ กว่าจะยอมคืนดีกัน

วันเสาร์ ผมกลับบ้านพ่อแม่ไปคนเดียว

พอเห็นหน้า ทั้งคู่ก็ถามว่า

“ทำไมไม่เห็นเมตตามาเลยอาทิตย์นี้?”

ผมเล่าเรื่องที่โกรธกันให้ฟัง แม่ฟังแล้วตำหนิผม

“ทำอะไรไม่ควรห่วงแต่ตัวเอง ควรใส่ใจคนอื่นบ้าง”

ผมไม่เห็นด้วย “แค่กินแตงโมไปครึ่งซีก จะอะไรนักหนา?”

พ่อหัวเราะ “แกไม่ต้องแก้ตัว พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากันมากินข้าวที่นี่นะ”

ในวันรุ่งขึ้น ผมได้พาเมตตามาหาพ่อแม่

พอเข้าบ้าน พ่อก็ใช้ผมไปซื้อน้ำส้มสายชู พอผมกลับมา

พ่อบอกให้เมตตาพาลูกออกไปข้างนอกก่อน

พ่อก็เอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม “แกร้อนซะเหงื่อโชก กินแตงโมดับกระหายหน่อย”

แตงซีกนั้นใหญ่ทีเดียว น่าจะหนักราวกิโลสองกิโลได้

พ่อส่งช้อนให้คันหนึ่ง “กินไม่หมดก็เหลือไว้ให้เมียแกกินบ้าง”

ผมหยิบช้อนแล้วก็ตักกินใหญ่ กินไม่ถึงครึ่งก็พุงกาง

หลังกินอาหารเที่ยง พ่อเอาแตงโมงสองซีกออกมาวางบนโต๊ะ

บอกผมว่า “แกดูทีซิว่า มันต่างกันตรงไหน?”

ผมงง ดูอย่างละเอียด

ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไป อีกซีกก็ถูกกินไปด้วย

ดูอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่า มันต่างกันอย่างไร จึได้งส่ายหัว

พ่อชี้ให้ดูแตงแล้วอธิบายว่า…

“ซีกนี้แกกิน อีกซีกนี่เมตตากิน”

พ่อบอกแกทั้งสองว่า ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้

ดูสิว่าเมียแกใช้ช้อนกินยังไง

เธอเริ่มตักจากตรงกลาง กินไปถึงขอบครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไม่ถูกแตะต้อง

แล้วดูของแกนี่ แกควักกินเนื้อตรงกลางจนหมด เหลือขอบไว้ให้คนอื่น

ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเนื้อแตงโมหวานตรงกลาง?

จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ได้สอนให้รู้อะไรหลายๆอย่าง

ก็เห็นได้ว่าเมตตามีใจใหญ่กว่าแกมาก

ผมหน้าแดงทันที พ่อพูดอย่างมีความหมายว่า…

คนสองคนหากคนที่จะอยู่ร่วมกันไปตลอดทั้งชีวิต

นอกจากความรักแล้ว ยังต้องมีความเข้าใจและความใส่ใจ

“อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ไม่สำคัญ”

แต่มันสะท้อนให้เห็นหัวใจคน

แตงโมชิ้นเดียวนั่นแหละ

ให้ความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน

หัวใจคนต่อให้เย็นชาแค่ไหน

แกค่อยๆ ให้ความอบอุ่น

มันจะร้อนขึ้นสักวัน

หรือหัวใจที่ต่อให้ร้อนเท่าไร

แกสาดน้ำเย็นใส่ทีละช้อน..ทีละช้อน

สักวันก็จะทำให้เย็นลงโดยสมบูรณ์

คิดดูนะ ถ้าเมตตาเป็นเหมือนแก

ทำอะไรไม่เคยใส่ใจ

นานวันเข้า แกจะรู้สึกยังไง?”

คำพูดคำเดียวนั้น

ปลุกคนตื่นโดยแท้ ผมพบในทันใดว่า

รองเท้าแตะที่วางไว้ให้ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน

น้ำชาที่ชงไว้ให้..ร่มที่วางหน้าประตูยามฝนตก

ล้วนแล้วแต่เป็นความรักความใส่ใจของเมตตา

แต่ผมกลับไม่เคยเห็น ไม่รู้จักเอาใจเขาใส่ใจเรา

คิดแล้วก็ละอาย รีบยกชามเกี๊ยวมาให้เมตตา

“เธอกินก่อนเถอะ” เธอหัวเราะ

“ไม่ต้องมาทำไก๋ต่อหน้าพ่อกับแม่”

พ่อก็หัวเราะ “ถ้าทำไก๋อย่างนี้ได้ทั้งชีวิต

ก็ถือว่าเป็นสามีที่ดีนะลูก”

ในใจมีรัก ความรักนั้นต้องให้กันและกัน

เราพึงใส่ใจอีกครึ่งของเรา

อย่าคิดว่าทุกปัญหาเป็นการหาเรื่อง

โดยไร้เหตุผล ลองคิดถึงความผิดของตนดู

ใช้ชีวิตธรรมดาของตนให้ดี ใส่ใจคนในครอบครัว

อย่ามัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่น

ความสุข..ไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่เพียงใด

แต่อยู่ที่เสียงหัวเราะในบ้านหวานแค่ไหน

ความสุข..ไม่ใช่ได้ขับรถหรูเพียงใด

แต่อยู่ที่ขับรถกลับถึงบ้านได้ปลอดภัย

ความสุข..ไม่ใช่มีคนรักสวย

แต่อยู่ที่รอยยิ้มของคนรักสดใสเพียงใด

ความสุขที่เกิดขึ้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าเราได้ฟังคำหวานในบ่อยครั้ง

แต่อยู่ที่ว่า ในยามที่โศกเศร้าหรือเสียใจนั้น

มีคนหนึ่งที่จะคอยบอกฉันว่า ไม่เป็นไร ยังมีฉันอยู่

แค่นี้แหละ คือสิ่งที่หลายคนต้องการ

เรียบเรียง : postsara

ขอบคุณข้อมูลจาก : share-si

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here