เทคนิคขับรถขึ้นเขา-ลงเขา ใครมีรถเกียร์ออโต้ควรรู้ไว้

0

เทคนิคขับรถขึ้นเขา-ลงเขา ใครมีรถเกียร์ออโต้ควรรู้ไว้

ใกล้ถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ หลายคนก็คงคิดที่อยากจะออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ขับรถขึ้นเขาลงห้วย แต่ก่อนที่จะไปนั้นอยากจะให้มาทำความเข้าใจในเรื่องของการขับรถลงเขา-ขึ้นเขากัน เทคนิคนี้เป็นการแนะนำมาจากคน alex_09 สรุปคร่าวๆได้ดังนี้นะครับ

1. อย่างแรกเลยเราจะต้องใช้เกียร์ที่ต่ำ ปรับเปลี่ยนเกียร์เมื่อรถเสียกำลัง อย่าลากเกียร์จนหมดแรงส่ง เอาจะทำให้เครื่องรถเราด้อยประสิทธิภาพลงไป ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้ใช้เกียร์ 2 ในการขับเคลื่อนขึ้นเขาลงเขา และเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้างเมื่อรถอยู่ในทางราบ การขับนั้นจะต้องใช้เกียร์ช่วยตลอดเวลา เกียร์อัตโนมัติของเรานั้นจะได้ไม่พังได้ง่ายๆ

2. เมื่อคุณขับรถลงเขาในทางที่แบบว่าลาดชันและยาวมากๆ ที่จะเข้าโค้งให้ทำการเปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D มาเป็น 2 ถ้าตำแหน่ง 2 ยังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนมาเป็นเกียร์ L คำแนะนำนั่นก็คือในขณะที่ฝนตกทางลื่นอย่าเปลี่ยนเกียร์กะทันหันโดยเด็ดขาด เพราะว่ารถจะเสียการทรงตัว การใช้เกียร์แต่ละเกียร์ควรดูสภาพอากาศและเส้นทางประกอบการพิจารณาด้วย

ส่วนเกียร์ธรรมดานั้นจะทำงานได้ง่ายกว่า มีเกียร์ให้เล่นถึง 5 ตำแหน่ง และมีคลาสช่วยในการประคองและส่งกำลังไปยังล้อ แต่ถ้าเกียร์อัตโนมัติบางรุ่นทำงานไม่ได้อย่างที่เราต้องการ ตรงนี้เราควรที่จะประเมินสภาพเส้นทางก่อนใช้เกียร์จะดีที่สุด

3. การขับเข้าโค้งธรรมดาหรือบนภูเขา ควรมองให้ไกลให้ลึกและให้คนนั่งข้างช่วยดูสภาพทางด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาให้ใช้วิธีตัดโค้งวิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี, เข้าโค้งได้เร็ว, รถไม่ใช้กำลังมาก ลูกปืนล้อมไม่ทำงานหนัก, ยางก็ไม่ล้มตัวมาก หน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากตามไปด้วย แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมา สมมุติจะเข้าโค้งขวาก่อนเข้าโค้งให้ถอนคันเร่งลง หัดพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหนึ่ง แล้วหักพวงมาลัยมาทางขวาเพื่อทำโค้งให้กว้างขึ้น ใช้พื้นที่ถนนทุกตารางนิ้ว ถ้ารถจะเลี้ยวซ้ายก็ให้เลี้ยวทางขวานิดหนึ่งแล้วเลี้ยวซ้าย การฝึกใหม่จะรู้สึกฝืนความรู้สึกบ้าง ถ้าขับชำนาญแล้วก็จะชินไปเอง

4. การขับรถเข้าโค้งหักศอกขึ้นเขารูปฟันปลา การขับแบบนี้ต้องให้ผู้ช่วยดูรถด้านซ้ายด้วยโดยมองถนนด้านบนก่อนว่าไม่มีรถ สวนลงมา กดแตรรถก่อนจะขับขึ้นไป หลักการขับก็เหมือนเข้าโค้งธรรมดา จะเลี้ยวซ้ายก็หักพวงมาลัยไปทางขวาก่อนแล้วหักพวงมาลัยไปทางซ้ายเข้าโค้ง เมื่อรถเข้าโค้งล้อหน้าจะเกิดแรงต้าน รถต้องใช้กำลังมาก ทำให้รถรถขับขึ้นได้ช้า ควรคืนพวงมาลัยกลับมาบ้าง และเร่งเครื่อง ทำแบบนี้เป็นจังหวะไปมาจนพ้นโค้ง การขับลงโค้งแบบนี้อย่าใช้ความเร็ว ควรลงช้าๆ ใช้เบรกช่วยชะลอความเร็วแต่อย่าเหยียบแรง ท้ายรถจะปัด ยิ่งหน้าฝนท้ารถจะปัดได้ง่าย ถ้าท้ายรถปัดรถจะเสียการทรงตัว ให้หักพวงมาลัยไปทิศทางท้ายรถ เช่น เลี้ยวซ้ายท้ายรถปัดไปทางขวาก็ให้หักพวงมาลัยไปทางขวา เมื่อรถทรงตัวได้แล้วบังคับให้บังคับรถไปในทิศทางที่ต้องการ ถ้าเอาไม่อยู่ให้เลือกทางภูเขาไว้ก่อน อย่าเลือกทางหน้าผาก็แล้วกัน.

5. การเพิ่มระยะทางการเบรก การเบรกรถกะทันหัน รถเราอาจไปชนรถข้างหน้า ควรเลี้ยวรถดึงพวงมาลัยไปทางไหล่ทาง หรือมีพื้นที่เพื่อเพิ่มระยะทางการเบรก

6. การขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวไปมาเป็นเวลานานๆ เมื่อถึงทางตรงลงเขายาวไกล อย่าขับเร็วเด็ดขาด คนขับส่วนมากจะขับเร็วรถมาก อันตรายมากนะครับทางแบบนี้ น้ำหนักรถ ความเร็ว ระยะทางถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น มีรถ, คน, ฯลฯ ขึ้นจากข้างทางหักหลบไม่พ้นแน่ ถึงจะหักหลบได้แต่รถต้องเกิดอะไรแน่นอน ไม่พลิกคว่ำ แหกข้างทางเข้าป่า หรือไม่ก็ชนรถที่วิ่งสวนมา

7. การขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S มองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง ไม่มีรถสวนมาให้ถอนคันเร่งลง แล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับเป็นเส้นตรงที่สุด ง่ายไหม? …ครับ แต่การขับรถลักษณะนี้ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางข้างหน้าหรือทัศนวิสัยไม่ดีควรขับ เข้าทางโค้งธรรมดา อยู่ในทางของเราเอง

8. การขับในทัศนวิสัยไม่ดี ทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา ต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา เนื่องจากคนที่ขับรถเจ้าถิ่นบนภูเขาเป็นประจำจะขับรถตัดโค้ง

9. ทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอย ทางแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทาง ‘ปราบเซียน’ กลิ้งกันมาหลายคันครับ การที่ล้อรถลอยตัวขณะวิ่งเข้าโค้งเราไม่สามารถบังคับได้อย่างที่ต้องการ และการที่เราไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว

ข้อควรระวัง

1.ขณะขับรถขึ้นทางชันหรือขึ้นเขา ควรเร่งความเร็วให้สม่ำเสมอ เพิ่มกำลังเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวล แต่อย่าเบิ้ลอย่างรุนแรงนะครับ เพราะนอกจากความเร็วจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกด้วย

2. อย่าใช้เกียร์ว่างในขณะลงเนินชัน หรือลงเขาโดยเด็ดขาด!! เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรใช้เกียร์ต่ำ และค่อยๆปล่อยรถให้ไหลลงเนินตามรอบเครื่องยนต์ และอย่าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ ด้วยนะครับ

3. ควรใช้เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 ในขณะขับรถขึ้นเขา เพราะถ้าใช้เกียร์ที่สูง อย่างเช่นเกียร์ 3, 4 หรือ 5 จะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลังและแรงฉุดมากพอที่จะเคลื่อนที่ขึ้นเนินเขา นอกจากนี้ยังเป็นการผลาญน้ำมันโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

ที่สำคัญ ตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทางครับ

ขอขอบคุณ : alex_09

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here