เขาเอาผักไปให้ลูกสาว ลูกเขยเอา’เค้กที่กินเหลือให้’

0

เขาเอาผักไปให้ลูกสาว ลูกเขยเอา’เค้กที่กินเหลือให้’

สำหรับในวันนี้เราจะขอนำบทความดีๆมาให้กับคุณผู้อ่านและอ่านกัน เป็นเรื่องราวลูกสาวและลูกเขยที่รู้จักกันผ่านแม่สื่อของหมู่บ้าน ในตอนแรกที่ให้ลูกสาวแต่งงาน ก็แอบรู้สึกเสียใจอยู่หน่อยๆ เพราะว่าภาระที่บ้านนั้นหนักมาก สามีก็จากไปกว่า 10 ปีแล้ว

ทำให้ตัวฉันนั้นจะต้องขายผักเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนด้วยตัวคนเดียว ค่อนข้างที่จะยากลำบาก แต่ก็สามารถผ่านมาได้จนพวกเขาเติบใหญ่ และในตอนนี้ก็เป็นเวลาของลูกชายคนเล็กที่จะต้องแต่งงานแล้ว

เมื่อถึงเวลาฉันให้ลูกสาวคนโตแต่งงาน ก็ต้องรีบทำงานเก็บเงินเพื่อให้ลูกชายได้แต่งงานขอสะใภ้ อาจจะพูดให้ว่าฉันนั้นลำเอียง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าตัวฉันคนเดียวจะเอาเงินที่ไหนมาขอมากมาย เพราะฉะนั้นต้องขอขอบคุณสาวที่เข้าใจฉัน ยอมแต่งงานไปอยู่กับสามี

ในวันแต่งงานลูกสาวของฉัน ก็ไม่ได้ทรัพย์สินมีค่า หรือมีเงินติดตัวไปมากมาย ตัวฉันเองก็รู้สึกเสียใจที่ทำลงไปอย่างนั้น รู้สึกติดหนี้ลูกสาวยังไงก็ไม่รู้ ฉันจึงอยากที่จะชดเชยลูกสาวหลังเธอแต่งงานออกไปแล้ว เอาผักที่บ้านไปให้พวกเขากินบ่อยๆอาทิตย์ละครั้งสองครั้งก็ยังดี

หลังจากที่ลูกสาวได้แต่งงานไป แม่สามีของเขาก็ได้แบ่งที่ดินแปลงหนึ่งให้กับพวกเขา ตัวฉันที่รู้ว่าลูกสาวก็ยุ่งกับการทำงาน จนไม่มีเวลาที่จะทำกับข้าว ไม่มีเวลาดูแลที่ดิน ฉันก็ไปช่วยตัดหญ้า บางครั้งลูกเขยเลิกงานเร็วกลับมาบ้านช่วงบ่ายๆ ลูกสาวยังไม่กลับบ้าน ฉันก็จะอาสาทำกับข้าวกับปลาให้เขากินเสมอ เพราะตัวฉันเองคิดเสมอว่า ตนเองนั้นไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรให้ลูกสาวตอนแต่งงาน จึงอยากจะขอช่วยเหลือพวกเขาบ้างเพื่อเป็นการทดแทน

ลูกเขยก็เห็นใจฉันเหมือนกัน เขาเป็นคนดีมาก รู้ว่าฉันคงเหนื่อย และเห็นใจฉันมาก ที่มาช่วยทำงานบ้านให้ โดยบอกว่าให้ฉันนั่งพักอย่าทำเลย เดี๋ยวเขาจะทำเอง จนฉันชมลูกเขยต่อหน้าลูกสาวอยู่บ่อยครั้ง บอกว่าลูกสาวเจอคนดี บ้านที่ดี มีชีวิตแต่งงานที่ดี ฉันรู้ว่าพวกเขากว่าจะมีวันนี้ก็ไม่ง่าย ฉันจึงไม่ค่อยอยากจะรบกวนอะไรลูกอีก เพื่อจะเก็บเงินให้ลูกชายแต่งงาน ในช่วงตอนเช้าก็จะไปหาฟืนและเห็ด เพื่อเอาไปขายที่ตลาดหารายได้

จนกระทั่งสามารถเก็บเงินให้เขาได้บ้าง จนสามารถสร้างบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ในที่สุดก็มีผู้หญิงยอมแต่งงานกับลูกชาย แต่ครอบครัวฝ่ายหญิงเรียกค่าสินสอดหนักมาก ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ในตอนนั้นฉันเข้าใจฝ่ายหญิง เพราะฉันก็มีลูกสาวเหมือนกัน แต่ฐานะของฉันในตอนนี้จะให้ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ทำให้ฉันคิดไม่ตก

แต่ก็ไม่มีทางอื่น ยังไงค่าสินสอดก็ต้องให้อยู่ดี ฉันจึงเอาของมีค่าต่างๆออกไปขายเพื่อแลกเงินมา สุดท้ายยังขาดอีก สองหมื่น ฉันจนปัญญา ขายหมดแล้วแต่ก็ยังไม่พอ แต่ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะไปขอลูกสาว เพราะพวกเขาก็เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่ปียังเก็บเงินไม่ได้มากเท่าไหร่

วันหนึ่งฉันก็เอาผักไปส่งให้ลูกสาวตามปกติ แต่บังเอิญวันนั้นเป็นวันเกิดแม่สามีของลูกสาวพอดี พวกเขาซื้อขนมเค้กให้แม่สามีฉลองกัน ทั้งบ้านดูมีความสุข เมื่อฉันยืนหน้าบ้านลูกสาวพวกเขาก็รีบมาต้อนรับ เชิญให้เข้าบ้านฉลองด้วยกัน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย ฉันไม่กล้าปฏิเสธ จึงได้นั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันกับพวกเขา เมื่อกินเสร็จ พ่อแม่สามีของลูกสาวก็ถามเรื่องงานแต่งของลูกชาย ฉันกลัวว่าลูกสาวกับลูกเขยจะเป็นกังวลหากรู้เรื่องค่าสินสอดที่ยังหาไม่ครบ ฉันจึงยิ้มๆแล้วพูดว่า “ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง!!”

ก่อนกลับจู่ๆลูกเขยก็เอาเค้กที่กินเหลือมาให้ฉันนำกลับบ้าน เอาไว้กินตอนกลางคืน และเอาให้ลูกชายกินด้วย ในตอนแรกฉันเกรงใจไม่กล้ารับ แต่เห็นท่าทีที่ลูกเขยอยากที่จะให้ ก็เลยไม่อยากขัดน้ำใจของเขา ก็เลยหยิบเดินกลับบ้าน

ในระหว่างเดินทางกลับบ้าน เพื่อนบ้านยังถามว่านั้นอะไร? ฉันจึงตอบไป พวกเขายังหัวเราะเยาะว่า “ลูกเขยทำไมไม่กตัญญูเลย เอาของเหลือมาให้แม่ยายได้อย่างไง ทำไมไม่ซื้อเค้กใหม่ให้กิน?” ฉันรีบช่วยแก้ต่างแทนลูกเขยว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!!”

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันก็แกะกล่องขนมเค้กออก เพื่อจะเอาเค้กไปแช่ตู้เย็น เมื่อเปิดออกมาดูกลับเห็นซองอะไรอยู่ข้างๆ หยิบขึ้นมาเปิดซอง ข้างในมีเงินสด สองหมื่นพอดี ยังมีโน๊ตเล็กๆเขียนไว้ว่า “แม่ครับ นี่เป็นเงินค่าสินสอดของน้องชาย ผมรู้ว่าแม่ไม่กล้าเอ่ยปากขอ แต่ผมได้ยินคนข้างบ้านแม่พูดกันว่า แม่ยังขาดเงินอยู่นิดหน่อย ผมและภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะให้เงินก้อนนี้กับแม่ แต่เพราะแม่ผมยังอยู่จึงไม่อยากพูดต่อหน้าเกรงว่าจะไม่ดี อีกอย่างหากให้ต่อหน้าแม่ก็คงไม่รับหรอกนะ ผมรู้ แม่เอาเงินนี้ไปให้เป็นค่าสินสอดเถอะนะครับ หลายปีมานี้แม่ก็ดูแลผมกับภรรยา ลูกสาวของแม่อย่างดี พวกเราก็รู้สึกขอบพระคุณแม่มาก นี้เป็นเงินนิดๆหน่อยๆ เพื่อตอบแทนพระคุณของแม่นะครับ”

ในตอนนั้นฉันยังอ่านไม่ทันจบ แต่น้ำตาก็หนองหน้าแล้วเต็มไปหมดแล้ว ลูกสาวเจอคนที่ดี ลูกเขยเป็นคนรู้จักเห็นใจคนอื่น มีน้ำใจ ยังอุตส่าห์นึกถึงหัวอกแม่คนนี้ กตัญญูจริงๆเลย โชคดีของลูกสาวแท้ๆ ที่ได้เจอคนดีๆแบบนี้ ฉันเองก็โชคดีที่ได้ลูกเขยดีๆแบบนี้ ต่อไปฉันจะดูแลช่วยงานบ้านของพวกเขา ช่วงชีวิตนี้ ฉันไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องอีกต่อไปแล้ว เพราะลูกสาว ลูกชายก็แต่งงานออกไปมีครอบครัวของตนเอง ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนบ้างแล้ว

หลังจากนั้นฉันก็ไปช่วยลูกสาวทำงานบ้านบ่อยขึ้น ส่วนเวลาอื่นๆก็ไปปลูกผักเก็บผักไปขาย หารายได้พอเพียงสำหรับตนเอง

ขอขอบคุณ : liekr

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here