แพทย์แนะกิน 10 อย่าง บำรุงสมอง ห่างไกลอัลไซเมอร์

0

แพทย์แนะกิน 10 อย่าง บำรุงสมอง ห่างไกลอัลไซเมอร์

อาหารที่สำคัญที่สุดใน 1 วัน คืออาหารมื้อเช้า แต่คนส่วนใหญ่ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาเร่งรีบจึงมักจะละเลยมื้อสำคัญไป จึงไม่มีอาหารที่จะนำไปเลี้ยงร่างกาย และสมอง แต่จะไปเน้นกินหนักมื้อเย็นแทนซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

ที่ถูกต้องคือให้กินมื้อเช้าให้มากเหมือนดั่งคำที่ว่า ตอนเช้าให้กินอย่างราชา ตกเย็นมาให้กินอย่างยาจก ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง เพราะร่างกายเราขาดอาหารไป 10 ชม. แล้วแต่มื้อเช้าไม่ได้กิน ร่างกายก็ไม่มีอาหารที่มีประโยชน์ไปหล่อเลี้ยงนานวันเข้าจะส่งผลเสียต่อสมองและร่างกาย แพทย์จึงแนะนำให้กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ 10 อย่างนี้ เพื่อบำรุงสมองและห่างไกลโรคอัลไซเมอร์

อาหารที่ควรกิน 10 อย่างในมื้อเช้า

1. น้ำเปล่า

ตื่นเช้าขึ้นมายังไม่ต้องแปรงฟันให้ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง 1-2 แก้ว เพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกาย และที่สำคญในร่างกายมีส่วนประกอบของน้ำมากถึงร้อยละ 70% อวัยวะและเซลล์ต่างๆ ก็ต้องการน้ำไปหล่อเลี้ยงเพราะในขณะที่เราหลับร่างกายขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงหลายชั่วโมง การดื่มน้ำในช่วงเช้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากและยังช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย

2. นมถั่วเหลือง

เพราะในนมถั่วเหลืองอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย โปรตีนจากถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้ทั้ง 9 ชนิด นมถั่วเหลืองจึงนับว่าเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง และยังมีไฟโตเอสโตรเจนที่เป็นตัวช่วยป้องกันโรคอีกด้วย

3. ไข่

เพราะในไข่อุดมไปด้วยสารอาหาร ทั้งโปรตีน สังกะสี วิตามิน A, D, E และ B12 มีธาตุเหล็กที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้การทำงานของร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยในเรื่องการผลิตเซลล์เม็ดโลหิตแดงให้เป็นไปอย่างปกติ และที่สำคัญที่สุดเลยคือ ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เพราะในไข่ 1 ฟอง จะมีโคลีน มากถึง 20% ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน โคลีนเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง จึงทำให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง

4. กล้วยน้ำว้า

ในกล้วยน้ำว้ามีแคลเซียมสูง มีวิตามิน B1, B2, B6 และวิตามิน C เป็นแหล่งของโปรตีน กรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งสารทั้งหมดนี้ล้วนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต ให้พลังงานได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในโลหิต รักษาความดันโลหิต เสริมสร้างระบบทางเดินอาหาร และรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

5. ข้าวโอ๊ต โฮลเกรน โฮลวีท

ข้าวและธัญพืชไม่ขัดสีกลุ่มนี้ก็มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้ร่างกายเปลี่ยนแป้งเป็นกลูโคสด้วยเหมือนกัน คาร์บเชิงซ้อนให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้นานแล้ว ธัญพืชเหล่านี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นวัตถุดิบหลักของระบบประสาทและสมอง ช่วยให้อวัยวะและเซลล์ในร่างกายตื่นตัว ส่วนคาร์โบไฮเดรตที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็ช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพิ่มขึ้นด้วย ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงที่จะมีความดันโลหิตสูง ป้องกันการแข็งตัวของหลอดโลหิตแดง รักษาระดับน้ำตาลในโลหิต ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยควบคุมน้ำหนัก

6. ข้าวกล้อง

เพราะในข้าวกล้องมีใยอาหารสูงมีไฟเบอร์มากกว่าข้าวขาวขัดสีถึง 3 เท่า จึงช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดี จึงช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างปกติ ป้องกันโรคเหน็บชา ตะคริว ป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยในการเจริญเติบโตของเหงือกและฟัน ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ป้องกันโรคผิวหนังบางชนิด ป้องกันอาการอ่อนเพลีย อาการปวดกล้ามเนื้อต่าง ๆ และป้องกันโรคหัวใจ

7. ถั่วชนิดต่าง ๆ

ถั่วเป็นแหล่งของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย และยังช่วยชะลอความแก่ชรา มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง มีวิตามินบีสูง มีธาตุเหล็กสูง ช่วยควบคุมน้ำหนัก และดีต่อหัวใจ

8. องุ่น

เพราะในสีต่างๆ นั้นไม่ว่าจะเป็นองุ่นเขียว องุ่นดำ หรือองุ่นแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ที่มีสาเหตุมาจากความเสื่อมของเซลล์ มีสารเรสเวอราทรอล มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง และช่วยชะลอวัย มีวิตามิน B12 ช่วยในการเผาผลาญ มีแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

9. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

เพราะในผลไม้ตระกูลเบอร์มีสารแอนโธไซยานินที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ลดอาการอ่อนล้าบริเวณดวงตา และช่วยให้สายตามองเห็นได้ดีขึ้น ช่วยปกป้องการเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยเรื่องความจำทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ช่วยควบคุมน้ำหนักมีแคลอรี่ต่ำ เมื่อกินเล้วจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าช่วยให้ช่วงเช้าที่กินสดชื่นขึ้นมาได้ ช่วยระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้

10. โยเกิร์ต

เพราะในโยเกิร์ตมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น มีวิตามิน ไรโบฟลาวิน หรือ วิตามิน B1 และวิตามิน K ที่นมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วยสังเคราะห์วิตามินในลำไส้ ป้องกันแผลในกระเพาะ แล็กโตบาซิลลัสจะช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ H.Pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะกว่า 90% ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
ช่วยป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย ดังนั้น โปรไบโอติกส์สำคัญมาก ๆ เพราะมันช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับเซลล์

อาหารที่ดีและมีประโยชน์ช่วงเข้าท้องว่างจึงสามารถดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี ดังนั้นอาหาร 10 อย่างนี้ มีประโยชน์มากๆ จึงเหมาะที่จะกินตอนเช้าเพื่อห่างไกลโรคต่างๆ และยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : kapook

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here