“ไม่มีเงิน ไม่มีกิน มากินฟรี” แค่เอ่ยปากขอ ก็กินได้เลย

0

“ไม่มีเงิน ไม่มีกิน มากินฟรี” แค่เอ่ยปากขอ ก็กินได้เลย

คนเราทุกคนเกิดมาล้วนมีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้ชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัว สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถกำหนดได้ นั่นคือคุณความดี ที่มีอยู่ในจิตใจของเรา ในวันนี้เรามีเรื่องราวหนึ่งมาส่งต่อให้กับทุกท่านได้อ่านกัน ถึงความมีน้ำใจ และการเป็นคนดี ที่ช่วยเหลือเผื่อแผ่ผู้อื่นที่เขายากไร้ หรือคนที่ลำบากกว่าเรา

วันก่อน ทางทีมงานได้ มีโอกาสไปเดินเที่ยวเล่นที่ “ตลาดท่านา” ตลาดโรงไม้เก่าๆริมแม่น้ำนครชัยศรี ในตลาดมีทั้งร้านขายของเล่นโบราณ ร้านขายส้มโอ ร้านเค้กมะพร้าวน้ำหอม ร้านกล้วยปิ้ง ร้านหน่อย เบเกอรี่ ที่ขายขนมขึ้นชื่อ อย่างขนมมาม่อนจัง และร้านอาหารต่างๆ แต่ก็ต้องสะดุดตากับร้านนึงเข้า ทีมงานเลยเข้าไปสอบถามดู ได้ความว่า
เดินไปเรื่อยๆได้เห็นร้านอาหารร้านนึง มีชื่อร้านว่า “ตูมตาม ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย” ลักษณะร้านเหมือนร้านอาหารทั่วไป แต่จะเน้นไปที่การขายอาหารเกี่ยวกับสัตว์ปีก อย่างเช่นเป็ดและไก่

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราสะดุดตาจริงๆ นั่นคือป้ายใหญ่ที่แขวนไว้อยู่หน้าร้าน ”ไม่มีเงิน ไม่มีกิน มากิน ฟรี ได้ที่นี่” และ “ฟรี สำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุและผู้พิการ”ต่างหาก

เมื่อเห็นว่าในร้านคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ จึงเดินเข้าไปพูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอยืนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอย่างแข็งขัน หน้าหม้อลวก

เธอชื่อ เกสร การะกร อายุ 21 ปี ลูกจ้างของร้าน ได้เล่าให่ฟังว่า ร้านตูมตาม เป็นของ “เจ๊เล็ก” หรือ คุณพรพิมล หอยสังข์ทอง วัย 47 ปี ที่เปิดร้านขายส้มโอหวานอยู่อีกที่ในตลาด

ร้านตุ้มตำแห่งนี้ เจ้าของชื่อเจ๊เล็ก ให้หลานฝาแฝด จึงเอาชื่อหลานมาตั้งเป็นชื่อร้าน โดยร้านเปิดมาได้เกือบ 3 ปีแล้ว ขายทั้งเป็ดย่าง ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู ข้าวต้มไก่

ด้วยความที่สงสัยการให้กินฟรีนั้น ทางร้านให้ยังไงจึงได้ไปถามและได้คำตอบว่า “แล้วให้กินฟรีหนี้ให้ยังไง” วันหนึ่งมีคนมาขอกินเยอะไหม คุณเกษรตอบกลับมาว่า “แค่มีคนเดินมาขอค่ะ ฉันก็ทำให้ แต่มีคนมาขอกินไม่บ่อยหรอก นานๆจะมีที บางทีเขามากกินแล้วก็เอากลับบ้านไปให้ลูกเมียด้วยก็มี ร้านก็ทำให้ ทำในปริมาณที่ขายให้ลูกค้าปกตินั่นแหละ ไม่ได้แบ่งแยกว่าจะต้องทำให้เท่านั้นเท่านี้ หรือจำกัดจำนวน กินให้อิ่มห้ามเหลือทิ้งก็เท่านั้น”

เมื่อถามถึงวิธีการที่คนขอต้องทำ เธอบอกว่า “แค่เป็นคนไม่มีรายได้ ผู้สูงอายุหรือคนพิการ ถ้าเดินเข้าร้านมาขอก็ให้แล้วค่ะ ไม่ต้องเอาบัตรอะไรมาแสดงทั้งนั้น “แค่เอ่ยปากขอ” เท่านั้น

และอดไม่ได้ที่จะถามว่า ทำแบบนี้ทำไม คุณเกสรเธอยิ้มแล้วบอกว่า “เพราะเจ๊เล็ก เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าวัดทำบุญค่ะ เลยกำชับกับหลานและพนักงานตั้งแต่เปิดร้านแรกๆเลยว่า “ถ้าใครมาขอกิน ก็ให้เขาไปเลย เจ๊เธอถือว่า เป็นการทำบุญที่บ้านแทนไปทำที่วัด”

ยังไม่ทันได้ชวนคุยต่อ ลูกค้าเริ่มเข้าร้าน คุณเกสร จึงขอตัวไปทำงาน เราจึงแยกตัวออกไปเดินเล่นดูตลาดต่อ
เห็นแบบนี้แล้วเรารู้สึกภูมิใจและประทับใจในการทำบุญ ในแบบของคนหาเช้ากินค่ำ เราอยากให้ทุกคนได้นำไปเป็นแบบอย่าง ช่วยเหลือคนที่เขาลำบากกว่าเราการเป็นผู้ให้จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : sentangsedtee

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here