ขับรถมือใหม่ต้องรู้ “9 สัญญานไฟ” แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถ

0

ขับรถมือใหม่ต้องรู้ “9 สัญญานไฟ” แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถ

เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนขึ้นรถไฟ จะต้องมองที่หน้าปัดรถยนต์กันใช่ไหมครับ เมื่อเราบิดกุญแจสตาร์ทรถ หรือว่ากดปุ่มสตาร์ทรถ ไฟสัญญาณทุกดวงก็จะแสดงขึ้นโชว์ที่หน้าปัด เพื่อเป็นการแสดงว่า สัญญาณไฟต่างๆและอุปกรณ์ต่างๆภายในรถยังทำงานปกติ

แต่ถ้ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับรถของเรา ไฟแจ้งเตือนเรานั้นจะแสดงขึ้นมาให้เราได้รับรู้ หากคุณผู้อ่านไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร แล้วขับรถออกไปอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวเราและคนรอบข้างก็ได้

ดังนั้นแล้วในวันนี้เราจึงรวบรวมสัญญาณไฟแจ้งเตือนบนหน้าปัด มาให้เพื่อนๆทุกคนได้รับทราบ จะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าก็ตาม ก็สามารถศึกษาสัญญาณไฟต่างๆก่อนที่จะเกิดปัญหาตามมาได้ ลองไปดูกันเลยดีกว่า ว่าสัญญาณแต่ละอย่างนั้นหมายถึงอะไร

สัญญานไฟ แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถ

เรียงลำดับตามความสำคัญ สีแดง –> สีเหลือง –> สีเขียว ( สำคัญสุดคือสีแดง ) ซึ่งถ้ามีสัญลักษณ์สีแดงโชว์ขึ้นมานั้น บ่งบอกถึงความผิดปกติของรถที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

ไฟเตือนสีแดง หมายถึง ต้องหยุดใช้รถทันที และ รีบตรวจสอบความผิดปกติตามรูปไฟเตือนที่ปรากฎในทันที

ไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง การแจ้งเตือน..! สามารถใช้งานรถต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน

ไฟเตือนสีเขียว บอกถึงผู้ขับกำลังใช้งานอุปกรณ์ของรถยนต์ที่ไม่เกิดความเสียหายอยู่

ลองดูกันว่าไฟเตือนต่างๆเหล่านี้บอกความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง

1. สัญลักษณ์เครื่องยนต์

ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้วครับ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาลของเครื่องยนต์มากๆ เพราะตัวนี้ตัวเดียว อาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ, สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ

ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่องติด ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป) จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิม

2. สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง

เมื่อแสดงขึ้นมา สามาถบ่งบอกว่ากรองน้ำมันมีปัญหา อาจเป็นเพราะกรองน้ำมันตัน หรือ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมาก

3.สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมัน

แสดงมาเมื่อไหร่แสดงว่าน้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำแล้ว ให้เติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด โดยส่วนใหญ่ที่พบ น้ำมันจะเหลืออยู่ในถังอีกประมาณ 10-15% ของความจุถังถึงจะเริ่มแสดงขึ้นมา โดยจะวิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่ว่าเป็นรถรุ่นไหนครับ ( เพิ่มเติมข้อมูล สัญลักษณ์รูป สามเหลี่ยมเล็กๆ ด้านข้างถังนั้น ช่วยบ่งบอกว่าฝาถังน้ำมันอยู่ด้านไหน เวลาเข้าปั้มเติมน้ำมันจะได้จอดถูกฝั่งหัวจ่ายน้ำมัน )

4. สัญญาณไฟรูปปรอทมีขีดระดับน้ำ

เป็นการเตือนเรื่องความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เช่น พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน น้ำยาหล่อเย็นขาด หรือ รั่ว หากฝืนใช้รถต่อ อาจทำให้เกิดการ Over Heat ( อุณหภูมิในเครื่องยนต์ร้อนสูงเกินขีดจำกัดที่เครื่องยนต์จะสามารถทำงานต่อได้ ) ซึ่งสร้างความเสียหายให้เครื่องยนต์อย่างมาก

สัญญาณไฟเครื่องหมายตกใจกลางวงกลม หรือ เบรค

สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P ให้ลองอ่านที่คู่มือประจำรถดูก่อน

สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัย

ปกติสัญลักษณ์นี้จะขึ้นมาค้างประมาณ 5 วินาทีหลังสตาร์ทรถ เป็นการเช็คถุงลมนิรภัยของระบบตัวรถ ถ้าสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาค้างหลังจากสตาร์ทเครื่องไปแล้วไม่ยอมดับ ก็ควรเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานได้เลยครับจำเป็นอย่างมาก เพราะ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงาน

สัญลักษณแบตเตอรี่ ขั้วบวก ขั้วลบ

หลายคนเข้าใจผิดว่า เป็นการเตือนแบตเตอรี่เสื่อม แต่จริงๆแล้วหมายถึงไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ เช่น ไดร์ชาร์จเสีย ไดร์ชาร์จไม่ทำงาน ไม่ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ หรือ ไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ไม่ทำงาน

สัญลักษณมีระบุคำว่า ABS

อาจหมายถึงระบบเบรค ABS มีปัญหา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับอู่ทันทีครับ ( ระบบเบรค กับ ระบบเบรค ABS นั้นคนละส่วนกัน ) แสดงว่าระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ เพียงแต่เมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหันจนล้อล๊อค ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเองครับ ( ABS คือระบบช่วยไม่ให้ล้อล๊อกเวลาเบรคกระทันหัน จนรถเสียการทรงตัวไถลไปตามพื้นถนน เป็นการช่วยลดโอกาสที่รถจะพลิกคว่ำ หรือ ไถลตกข้างทาง )

สัญลักษณรูปตะเกียงน้ำมันมีน้ำหยด

มักเกิดจาก น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์มีต่ำมากจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้อย่างทั่วถึง หรือถ้าน้ำมันเครื่องแห้งมากๆ หากฝืนใช้รถต่อไปอาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาถึงขั้นพังได้เลย หรือ ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังอยู่ในระดับปกติ แต่มีไฟโชว์ขึ้นมาก็เป็นไปได้ว่า ปั๊มน้ำมันเครื่องอาจมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถปั้มส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้อย่างทั่วถึง

แท้จริงแล้วยังมีสัญญาณไฟเตือนอีกมากมาย iรถละรุ่นข้อแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเพื่อนๆทุกคนควรที่จะศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสัญญาณเตือนต่างๆบนหน้าปัดรถยนต์ของคุณให้เรียบร้อย เพื่อที่จะเป็นการรักษาดูแลรถที่คุณรักได้อย่างมีประสิทธิภาพกันนะ

ขอขอบคุณ : bitcoretech

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here