ใจเขาใจเรา คุณนายกับชายขายไข่ กับความภูมิใจในเงิน 5 บาท
ในยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพง ประชาชนคนธรรมดาต้องดิ้นรนต่อสู้ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบาก แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่มักจะคอยเอาเปรียบกับคนจน คนรากหญ้า หรือคนไม่มีอันจะกินอยู่ร่ำไป ที่น่าสังเวทย์ก็คือ ส่วนใหญ่แล้วคนที่คอยเอาเปรียบผู้อื่นมักจะเป็นคนรวยคนมีอันจะกินเสียเป็นส่วนมาก ลองอ่านเรื่องราวที่เรานำมาฝากในวันนี้ ใครที่กำลังคิดจะทำอาจจะฉุกคิดและโยนการเอารัดเอาเปรียบแก่เพื่อนมนุษย์ทิ้งไปเสีย และคงเป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับใครหลายคน
มีผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางเป็นผู้ดีราวคุณหญิงคุณนาย เห็นชายชรานั่งขายไข่ไก่อยู่ข้างถนน เธอจึงเดินเข้าไปถามชายชราถึงราคาไข่
พ่อค้าเฒ่า ตอบกลับว่าใบละ 5 บาท ใบละ 5 บาท
คุณผู้หญิงคนนั้นกลับบอกว่า ฉันต้องการซื้อไข่ 6 ฟอง คิดราคา 25 บาทได้ไหม ทั้งที่ราคาทั้งหมดควรเป็น 30 บาท
แต่ชายขายไข่กลับตอบไปว่า แล้วแต่คุณนายเถอะ อยากซื้อเท่าไรจ่ายเท่าไรก็ใจ เพราะนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของผม เพราะตั้งแต่เช้ายังขายไข่ไม่ได้เลย
เมื่อได้ยินดังนั้นคุณนายก็จ่ายเงิน 25 บาท และหิ้วไข่ 6 ฟอง เดินไปขึ้นรถเก๋งที่มีเพื่อนๆ นั่งคอยอยู่ ทั้งยังกระหยิ่มยิ้มย่องว่า คุยโวว่าสามารถซื้อไข่ได้ในราคาถูกกว่าที่พ่อค้าขาย
หลังจากนั้น คุณนายและผองเพื่อน ก็ไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง สั่งอาหารราคาแพงมามากมายเต็มโต๊ะ กินกันอย่างสุขสันต์สำราญสำเริง แต่คุณนายและผองเพื่อนก็กินไม่หมด อาหารเหลือเยอะแยะจนน่าเสียดาย เมื่อเรียกพนักงานมาคิดราคาอาหาร ได้ความว่าทั้งหมด 1,400 บาท คุณนายหน้าใหญ่ยื่นเงินไปให้ 1,500 บาท แล้วบอกว่า
“ไม่ต้องทอนนะคะ”
ไข่ใบละ 5 บาท จากพ่อค้าชราเธอต่อราคา แต่สำหรับอาหารราคาแพงเธอจ่ายได้อย่างไม่คิดเสียดาย แถมยังไม่สนเงินทอนหลักร้อย
เงิน 100 บาท มันธรรมดามากสำหรับเจ้าของภัตตาคาร แต่เงิน 5 บาท สำหรับพ่อค้าไข่ชรา มันอาจเป็นความเจ็บปวดหรืออาจเป็นเงินสำหรับทั้งครอบครัว
ที่น่าคิดคือ ทำไมเราจึงพึงพอใจในยามต่อรองซื้อของด้วยราคาเพียงเล็กน้อย จากชาวบ้านที่ต้องใช้หยาดเหงื่อแรงงานทำมาหากินอย่างยากลำบาก กลับกัน เวลาเราซื้อของราคาสูงตามห้างร้านใหญ่ๆ หรือตามห้างสรรพสินค้า เรากลับจ่ายได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่เขาได้กำไรเป็นเท่าตัว
แปลกดีนะ ว่าไหม?
ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
พ่อของผู้เขียนมักจะชอบช่วยเหลือ ชอบซื้อของจากชาวบ้าน และให้ราคาเกินไปจากที่เขาขาย ทั้งที่บางที่พ่อของเขาไม่ได้ต้องการสินค้าหรือข้าวของพวกนั้น เพียงแต่อยากจะให้เขานำเงินไปเลี้ยงครอบครัว ไปใช้ในยามจำเป็นโดยไม่เสียศักดิ์ศรี
เมื่อเขาถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น พ่อของเขามักจะพูดว่า พ่อตอบว่า “มันเป็นการทำบุญ ที่มีคุณค่ามากนะลูก”
อ่านจบแล้วอยากให้ทุกคนนึกตรองดู เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็อย่าคิดเอาเปรียบคนยากคนจนเลย ชาวบ้านธรรมดากว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทแต่ละสตางค์มันยากเย็น เงิน 5 บาทอาจไม่สำคัญสำหรับคุณ แต่มันอาจช่วยต่อลมหายใจ ช่วยให้ท้องของคนอื่นอิ่มได้
เรียบเรียงโดย : Postsara
ขอบคุณที่มา : postsod