อ่านแล้วชอบ 10 ปรัชญาแห่งความเรียบง่ายของชีวิต

0

อ่านแล้วชอบ 10 ปรัชญาแห่งความเรียบง่ายของชีวิต

1. สำหรับชีวิตที่เรียบง่ายนั้น จริงๆแล้วไม่ได้ง่ายสมชื่อ ใช่ว่าใครๆจะมีชีวิตอันแสนสุขสบาย ใช่ว่าใครๆจะมีชีวิตที่เรียบง่ายได้ง่ายๆ ไม่เกี่ยวข้องกับความรวยหรือความจน ไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษา ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะทางสังคม ไม่เกี่ยวกับเพศหรืออายุ แต่เกี่ยวข้องกับวุฒิปัญญาของบุคคลคนนั้น เพราะชีวิตที่เรียบง่ายก็คือชีวิตที่ผ่านการตกผลึกมาแล้วเป็นอย่างดี อะไรคือความสุขที่แท้จริง อะไรคือความสุขจอมปลอม ตรงนี้เราย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้ามีปัญญามากพอก็จะมีชีวิตที่เรียบง่ายได้ในทันที ถ้าปัญญาไม่พอ ต่อให้ต้องการชีวิตที่เรียบง่ายมากสักแค่ไหน ก็ไม่อาจพบกับความเรียบง่ายได้เลย

2. ความเรียบง่าย ไม่ได้มาจากความต้องการความเรียบง่ายในลักษณะแฟชั่น แต่มาจากความคิดที่ต้องการกำจัดกิเลสของตนอย่างจริงจัง หนทางแห่งการใช้ชีวิตเรียบง่าย จึงเป็นหนทางเดียวกับการขัดเกลากิเลสของตน “ความต้องการที่จะไม่ต้องการอะไรนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่เรียบง่าย”

3. เมื่อทำการงาน จงทำด้วยจิตว่าง อย่าทำงานด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น “ความสำเร็จไม่เคยได้มาด้วยความอยากแต่ได้มาด้วยการสร้างเหตุแห่งความสำเร็จ” จงทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยพลังแห่งปัจจุบันขณะ อย่าได้เพ้อฝันถึงความสำเร็จที่ยังมาไม่ถึง เมื่อไม่มีความคิดปรุงแต่ง ย่อมไม่เกิดความโลภ ไม่เกิดการเปรียบเทียบ ไม่เกิดความกดดัน ไม่เกิดความหวั่นไหว การงานที่รับผิดชอบอยู่ย่อมดีขึ้นเป็นลำดับ

4. แม้ต้องการชีวิตที่เรียบง่าย การพูดจาของเราก็สมควรทำให้มีความเรียบง่ายด้วย “คำโกหกหลอกลวง คำโฆษณาเกินจริง การวิจารณ์ที่ไร้ประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปวดหัวที่ต้องตระเตรียมการ ต้องคิด ต้องใช้สมองในทางที่ผิด” ง่ายที่สุด! ดีที่สุด! สบายใจที่สุด! จงพูดแต่ความจริงที่เป็นประโยชน์ ถ้าต้องพูดอะไรที่โกหกและไม่เป็นประโยชน์ สู้เอาเวลาไปนอนเสียยังดีกว่า

5. มนุษย์เรากินเพื่ออยู่ มิใช่อยู่เพื่อกิน มีคนมากมายที่ไม่มีกิน และมีคนมากมายที่กินทิ้งกินขว้าง “แม้ต้องการมีชีวิตที่เรียบง่าย ก็สมควรทำเรื่องการกินให้เป็นเรื่องง่ายๆ ด้วย เราจะมีชีวิตที่เรียบง่ายได้อย่างไร หากยังดิ้นรนแสวงหาของอร่อยกินอยู่ตลอดเวลา”

6. เราคือมนุษย์ผู้มีร่างกายเน่าเหม็น เพียงไม่อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเพียงครึ่งวัน ความจริงก็เริ่มปรากฏ กลิ่นตัว กลิ่นปากตลบอบอวล หน้าตา ผมเผ้าเริ่มดูไม่ได้ ความจริงเหล่านี้ถูกเราปกปิดด้วยการแต่งหน้า ทาปาก นุ่งห่มเสื้อผ้าสวยงาม แม้ต้องการชีวิตเรียบง่าย เราก็ควรพิจารณาความจริงของกายอย่างจริงจังด้วย “เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะมีเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็น ทาครีมประทินผิวให้น้อยลง ทำอะไรๆ กับร่างกายแต่พอดี โดยรู้เท่าทันว่าร่างกายนี้คือของชั่วคราวที่รอวันเสื่อมสลาย” มนุษย์เรายึดมั่นร่างกายนี้เป็นที่สุด ทำลายความยึดมั่นในกายได้ ความเรียบง่ายของชีวิตจะไปไหนเสีย

7. “เมื่อโลกนี้มีคนผิดหวังมากมาย แล้วเหตุใดเราจึงหลงงมงายคิดว่าตนเองต้องสมหวังอยู่ตลอดเวลา” การรับรู้ว่าความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ความเรียบง่ายเกิดขึ้นในชีวิต คนพิการก็มีมาก คนสูญเสียคนรักก็มีมาก สงครามมีอยู่ทุกที ความไม่ยุติธรรมมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก จงเปิดรับความผิดหวังเสียใจ ให้มันเข้ามา! จ้องหน้ามัน! เข้าไปใกล้มัน! แล้วกระซิบถามมันสิว่า “แกทำได้แค่นี้เองเหรอ”

8. “ความเรียบง่ายย่อมเกิดขึ้นทันที แม้เราตระหนักว่า คนอื่นไม่จำเป็นต้องดีกับเรา” การยอมรับกับตนเองว่า ผู้อื่นไม่จำเป็นต้องดีกับเรานั้นตัดความวุ่นวายไปได้หลายอย่าง หนึ่ง เราย่อมไม่ทำให้ผู้อื่นกดดันจากการคาดหวังของเรา สอง เมื่อเราไม่คาดหวังว่าเขาต้องดีกับเรา เราย่อมเป็นอิสระจากความคิด คำพูด และการกระทำของเขาไปด้วย การไม่เอาจิตใจไปยึดกับความรู้สึกของผู้อื่นคือความสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของเราเกิดความเรียบง่าย

9. อย่าได้สร้างวาระพิเศษใดๆ ขึ้นมาเลย อย่ามองหาความพิเศษจากการท่องเที่ยว อย่ามองหาความพิเศษจากการดื่มกิน จากการซื้อของที่มีราคาแพง อย่ามองหาความพิเศษจากการใฝ่ฝันถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความพิเศษที่ทำให้เรากลายเป็นผู้หิวโซที่มีชีวิตซับซ้อน จงคลีคลายชีวิตด้วยการหาความพิเศษจากสิ่งพื้นๆ ธรรมดาๆ ทำสิ่งพื้นๆ ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นความพิเศษสุด “จงหาความพิเศษจากการเดิน นั่ง นอน ความพิเศษจากการขับถ่าย ความพิเศษจากการมองท้องฟ้าหน้าบ้านของตนเอง จงทำกิจวัตรประจำวันของตนกลายเป็นความพิเศษ ถ้าทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่ เราจะกลายเป็นผู้มีชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางความวุ่นวายของโลกทันที”

10. “แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องทำในชีวิตมีอยู่เพียงไม่กี่เรื่อง ที่เหลือล้วนเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อสนองกิเลสของตนเองทั้งสิ้น” รวบหน้าที่ให้น้อย และกำหนดสิ่งที่ต้องทำให้ชัด หนึ่ง คือการทำงานที่รับผิดชอบอยู่ให้ดีที่สุด สอง คือการปฏิบัติดีกับคนรอบข้าง และสงเคราะห์โลกตามกำลัง สาม คือการขูดเกลา ยุติความชั่วช้าในใจตน แม้ใครทำหน้าที่หลักของชีวิตได้เพียงสามข้อ บุคคลผู้นั้นย่อมเป็นเจ้าของปีกสีขาวล่องหน สามารถโบยบินอยู่เหนือโลกด้วยปรัชญาแห่งความเรียบง่ายของชีวิต

ขอขอบคุณ : พศิน อินทรวงค์

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here