ผมในวัย 44 อยากบอก “บัณฑิตจบใหม่วัย 22 ว่า”

0

ผมในวัย 44 อยากบอก “บัณฑิตจบใหม่วัย 22 ว่า…”

ในขณะที่หลายๆ คนกำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานอยู่กับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนอีกหลายคนก็กำลังใกล้จะจบหรืออยู่ในช่วงจบการศึกษากันแล้ว บางคนยังหาทางของตัวเองไม่เจอ บางคนก็ลุ่มหลงไปกับกิเลสตัณหา บ้างก็คึกคะนองในความเยาว์วัย และบางคนที่อาจจะหารายได้ได้มาก ก็ใช้ชีวิตอย่างเสรีไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่จะพลิกชีวิตของคนคนหนึ่งจากฟ้าลงเหวได้ทันที

ตามไปอ่านบทความดีๆ จาก นิ้วโป้ง Fundamental VI ในฐานะคนที่เคยพลาดมาก่อน ลองอ่านแล้วตกตะกอนดูในใจ เกิดคุณกำลังพลาดพลั้งอย่างเขาจะได้แก้ไขได้ทันเวลา

อยากบอก บัณฑิตจบใหม่

วันนี้ได้เห็นบรรยากาศ “บัณฑิตจบใหม่” อบอวลไปทั่วจุฬาฯ

พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้าน้าอา อากง อาม่า ถือดอกไม้ ถุงของขวัญ เดินกันเต็มมหาวิทยาลัย

ได้เห็นบัณฑิตและญาติๆ ถ่ายรูป แฮปปี้ ผมเองก็ดีใจไปกะเค้าด้วย เป็นหนึ่งในหลักไมล์ชีวิตหลังจากเรียนหนังสือมาเกือบ 20 ปี

ผมเองในฐานะที่เรียนจบมา 20 กว่าปีแล้ว

ทำเรื่องดีๆ มาก็เยอะ พลาดเรื่องโง่ๆ มาก็มาก

“มองบัณฑิต…แล้วคิดย้อนถึงตัวเอง”

ถ้าผมย้อนเวลา กลับไปหาตัวเองตอนเป็น “บัณฑิตจบใหม่วัย 22”… ตัวผมในวัย 44 จะไปบอกเขาว่า

1. การเริ่มต้นทำงานก็เหมือนกับวิ่งมาราธอน เส้นทางมันยาวไกลร่วม 40 ปี

ออกตัวแรงไป แป๊บเดียวหมดไฟ … ออกตัวช้าไป ก็ไม่ก้าวหน้า สมดุลย์เป็นเรื่องสำคัญ

2. รายได้ของเด็กจบใหม่แต่ละเดือน จะหมดเกลี้ยงไปอย่างไว จากการนัดเพื่อนกินดื่ม ต้นทุนทำความรู้จักแฟน (คนแล้วคนเล่า กว่าจะได้แต่ง) หรือไม่ก็ มือถือ ท่องเที่ยว เครื่องเสียง ฯลฯ ยิ่งพวก บัตรเครดิต ช้อป 0% ต้องระวังให้มาก

การเป็นหนี้บัตรเครดิตมากๆ ตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตทำงาน สามารถทำให้ชีวิตคุณ….ไปทั้งเป็นได้เลย

3. โอกาสที่จะออมเงิน หลังจากใช้จ่าย…แทบไม่มี เพราะจบใหม่ใจมันร้อน เงินมีที่ไปเสมอ ดังนั้น จงออมก่อน 10%-15% ทุกเดือน แล้วค่อยใช้ … คุณไม่ ต า ย หรอก ก็ทีภาษีเค้ายังหักก่อนให้เราใช้ ก็ไม่เห็นเป็นไรนิ? … ออมให้นาน และต้องออมในหุ้นให้ถูกวิธี

ใครเริ่มก่อนโคตรได้เปรียบ

4. ความรู้หลายอย่างที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน จะพาชีวิตเราไปได้ไกลกว่าคนอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ความสามารถในการเล่าเรื่อง ความรู้ในการลงทุน สกิลการเป็นผู้ประกอบการ ฯลฯ จงเรียนรู้สิ่งเหล่านี้อย่าหยุด

เชื่อหรือไม่ เผลอๆ ดีกว่าเรียนป.โทอีก

5. งานที่ดี คือ งานที่คุณเอ็นจอยและบาลานซ์ “งาน- ครอบครัว-สุขภาพ-ความรัก-ความมั่งคั่ง” ได้ดี … เมื่อไหร่ที่ขาดสมดุลย์รุนแรง ความทุกข์จะมา

เมื่อสร้างสมดุลย์ระหว่าง 5 อย่างนี้ได้ “ความสุข” จักสถิตย์อยู่คู่ตัวท่าน

6. ถ้าใครเรียนจบแล้ว ยังไม่มีแฟน คุณไม่ต้องกลัว … โอกาสยังเปิดกว้าง ไม่ว่าหญิง ชาย หรือสายทางเลือก …

สถานที่พบรักมีหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น คอร์ส ป.โท, ออฟฟิศลูกค้า, งานแต่งเพื่อน หรือ งานเลี้ยงรุ่น ที่เหล่านี้จะสกรีนคนมาให้คุณแล้ว โอกาสที่เจอคนศีลเสมอกันมีสูงกว่า

และดีกว่าไปเจอตอนเมาในผับ หรือ ท้ายรถกะบะวันสงกรานต์

7. พ่อแม่ ดูแลเรามาตลอด ส่งเสียเลี้ยงดูด้วยทรัพยากรมหาศาลอย่างยาวนาน 20 ปี กระทั่งเรามีวันนี้

นับจากนี้ไปเราจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ แต่ร่างกายท่านทั้งสองจะถดถอยลงไปเรื่อยๆ… การโทรหาทุกวัน เจอกันทุกอาทิตย์ เป็นเรื่องสำคัญ

“พ่อแม่ จะอวยชัยให้พรแก่ลูกเสมอ”

เป็นบทความเรียกสติของใครหลายคนได้เลยทีเดียว เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องพื้นฐาน แต่วัยรุ่นหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทันนึกถึง หรือเผลอลืมไปว่ามันอาจจะเกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิดกับชีวิต ดังนั้น ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ที่สำคัญ ดูแลเอาใจใส่พ่อแม่ให้มากๆ ทำให้ดีที่สุด บุญกุศลใดก็ไม่เท่าคุณงามความดีที่มีให้พวกท่านแน่นอน

ขอบคุณที่มา : นิ้วโป้ง Fundamental VI

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here