แพทย์แนะนำ “การเดิน” เป็นวิธีออกกำลังกายที่ดีที่สุด
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมคนอายุปัจจุบันนี้ถึงได้หันมาใส่ใจในเรื่องของการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น นั่นเป็นเพราะโรคต่างๆได้เกิดขึ้นง่ายกับตัวเรา เพราะฉะนั้นเราจึงต้องหันมาดูแลตัวเองเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและห่ างไกลจากโรคต่างๆได้
การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่ งที่สำคัญมากๆพอๆกับการเลือกอาหารการกินที่มีประโยชน์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรง และที่สำคัญนั้นยังช่วยทำให้ห่ างไกลจากโรคต่างๆได้
การเดินเป็นวิธีการรักษาสุขภาพที่ราคาถูกที่สุด หลายๆคนใช้การเดินในการดูแลสุขภาพ สามารถรับประกันได้ว่าสุขภาพจะแข็งแรง หลีกไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยการเดิน ไม่เพียงแต่สามารถบริหารข้อตามแขนขา ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยอาการ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ภูมิต้านทานโรคสูงขึ้น
การเดินสามารถจัดการกับ 4 โรคนี้
1 การเดินช่วยรักษาโรคเบาหวาน
สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน นั่นคือ การมีน้ำตาลในโลหิตสูงขึ้นมากกว่าปกติ และจะทำให้โรคอื่นๆเกิดขึ้นได้ง่าย การใช้ยาเป็นตัวที่สามารถลดน้ำตาลในโลหิตได้ แต่ถ้าคุณสามารถออกกำลังกายด้วยการเดินร่วมกับยารักษา จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันจะเป็นวิธีการเลี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และยังช่วยทำให้ห่ างไกลจากโรคอื่นๆไว้
2 การเดินสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของความดันโลหิตสูงได้
ด้วยการเดินจะทำให้อาการความดันโลหิตสูงดีขึ้น เนื่องจากความดันโลหิตสูงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย แต่ด้วยการเดิน จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในหลอดโลหิตได้ ปรับปรุงสภาพร่างกาย ผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่อเดินมากๆจะช่วยทำให้ความดันโลหิตคงที่ ร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
3 การเดินสามารถป้องกันโรคกระดูกพรุน
โรคกระ ดูกพรุนเกิดกับคนชราได้ง่ายๆ ถ้าแค่กินยา ผลที่ได้ยังไม่ดีพอ แต่ถ้าเดินออกกำลังกายทุกวัน เป็นการออกกำลังกายกระ ดูก เพิ่มความหนาแน่น ป้องกันโรคกระ ดูกพรุนในคนชรา
4 การเดินสามารถป้องกันโรคทางเดินอาหารได้
โรคทางเดินอาหารมักเกิดจากอาหารไม่ย่อย ทำให้ไม่อยา กอาหาร การทำงานของระบบทางเดินอาหารลดลง จนมีอาการท้องผูก ท้องเสีย ถ้าเดินวันละ 45 นาที จะเป็นผลดีต่อระบบทางเดินอาหารมาก
เนื่องจากการเดินสามารถปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มการทำงานในระดับเซลล์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ระบบทางเดินทำงานดีขึ้น เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นคนสุขภาพแข็งแรง หรือว่ากำลังเป็นโรค เพียงแค่เดินทุกวัน คุณก็จะแข็งแรงและสุขภาพดี
ก่อนเดินไม่อบอุ่นร่างกาย : ได้รับบาดเจ็บได้ง่าย
หลายๆ คนคิดว่าการเดินไม่ได้เป็นการออกกำลังอะไรมาก ทำให้ละเลยการอบอุ่นร่างกายก่อนเดิน การไม่อบอุ่นร่างกาย ไม่เพียงแต่ทำให้ข้อต่อต่างๆขาดน้ำหล่อเลี้ยง แต่ข้อต่อของร่างกายยังไม่ถูกเปิดออก ทำให้เคลื่อนไหวได้จำกัด การฝึกก็จะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
การออกกำลังกายด้วยการเดินที่ถูกต้องคือ : วอร์มอัพก่อนเดิน และคูลดาวน์หลังเดิน
ไม่เพียงต้องอบอุ่นร่างกายก่อนเดิน การยืดกล้ามหลังเดินเสร็จแล้วก็สำคัญมาก ถ้าระยะเดินค่อนข้างไกล ระหว่างกลางควรจะหยุดเพื่อทำการยืดกล้ามเนื้อ บรรเทาความปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ
การก้าวที่กว้างเกินไป : เป็นการยืดเอ็น
หลายๆ คนคิดว่าการเดินออกกำลังกายต้องเดินร็วๆ ต้องก้าวกว้างๆ แต่การเดินแบบนี้จะทำให้เอ็นด้านในต้นขาบาดเจ็บได้ ทำให้ขาเป็นตะคริว ไม่สามารถเดินได้ผลตามที่ตั้งใจ สำหรับคนที่หัวเข่าไม่ค่อยดี อาจทำให้เกิดความเจ็บได้
ระยะก้าวที่ดีที่สุดในการเดิน : ก้าวสั้นๆ
การเดินออกกำลังกายควรเดินก้าวสั้นๆ โดยให้ระยะกว้างกว่าเวลาเดินปกติสัก 10 ซม.ก็พอ โดยตอนเริ่มต้องค่อยเป็นค่อยไป บางคนวันแรกก็เดินเร็วเหมือนบิน เกินกำลัง จะเป็นการทำให้หัวเข่าและน่องบาดเจ็บ ร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำตามความสามารถของร่างกายตัวเอง ไม่ต้องตามใคร
ท่าทางที่ดีที่สุดในการเดิน : เงยหน้าและยืดอก
เวลาเดินต้องเงยหน้า ยืดอก เก็บพุง ถึงจะทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ 13 มัดทำงานได้พร้อมกัน และทำให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ปัจจุบันนี้คนจำนวนมากเดินด้วยท่าทางไม่ถูกต้อง การฝึกโดยยืนชิดผนังเป็นการฝึกที่ดี
เดินขาโก่ง : ทำให้เข่าบาดเจ็บได้ง่าย
การเดินขาโก่งทำให้เกิดกดดันที่เท้าด้านนอก ต่อเนื่องมาถึงข้อต่อ ในระยะยาวทำให้กระ ดูกผิดรูปเกิดอาการปวด ทำให้ขาเป็นรูปตัว O
การเดินเป็ด มุมที่นิ้วเท้าใหญ่เกินไป ในระยะยาวจะทำให้หัวเข่าเคลื่อนออก ขากลายเป็นตัว X ทำให้เกิดปัญหาปวดเข่า และข้อต่อเสื่อมเร็วขึ้น
เดินๆหยุดๆ : ไม่ได้ผล
บางคนคิดว่าการเดินไม่กี่ก้าวไปเข้าห้องน้ำ เดินไม่กี่เก้าขึ้นลงบันได เดินไม่กี่ก้าวในออฟฟิศเป็นการออกกำลังกาย แม้ว่าการเดินแบบนี้จะทำให้โลหิตหมุนเวียน ดีกว่าการนั่งนานๆ แต่ถ้าไม่เดินต่อเนื่อง ก็ถือว่าไม่ได้ออกกำลังกาย
จำนวนก้าวที่ดีที่สุด : 6,000 ก้าว
เกินออกกำลังกายประมาณ 30-40 นาที โดยความเร็วสม่ำเสมอ 2 ก้าว/วินาที เดินวันละ 6,000 ก้าวจะเหมาะสมที่สุด ใครที่อยา กที่จะลด น้ำ หนักสามารถเดินเพิ่ม 2-3 พันก้าว
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
ขอบคุณข้อมูลจาก : LIEKR