นอนคลุมโปรงสวดมนต์ แต่ได้ยินเสียงก้องอยู่ในห้อง

0

นอนคลุมโปรงสวดมนต์ แต่ได้ยินเสียงก้องอยู่ในห้อง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นอำเภอปายกำลังเป็นที่โด่งดังได้ไม่นาน ผม แฟน และเพื่อนๆๆก็ได้ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่ปายกันให้อย่างเต็มที่ โดยกำหนดวันเวลาไว้ว่าจะไปกันทั้งหมดประมาณ 6 วัน 5 คืน โดยพวกเราทั้ง 4 คนนั้นก็ไม่เคยไปเที่ยวที่ปายมาก่อนเลย

ซึ่งที่พักของเราก็ได้จองเอาไว้ในตอนที่เราไปงานเที่ยว เพราะว่าก่อนหน้านี้เราได้ไปเดินเลือกๆเอาไว้ แต่เราก็ได้มาไม่ครบตามจำนวนวันที่เราจะไป ไม่คิดว่าจะไปหาเอาข้างหน้ากันอีกทีละกัน

หลังจากนั้นก็ถึงกำหนดวันเที่ยวของเราครับ แต่การไปเที่ยวในครั้งนี้เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี จนล่วงมาถึง 2 คืนสุดท้าย ที่จะต้องเข้าพักในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากช่วงนั้นปายกำลังเริ่มโด่งดัง ที่พักหลังใหญ่ที่นอนได้ 4 คน เต็มทั้งหมด เราจึงได้แค่บังกะโลหลังเล็ก 2 หลัง ใกล้ๆ กันแทน หลังจากที่พวกเราเข้าไปเช็คอินกันแล้ว อยู่ๆ ทางเจ้าของรีสอร์ทก็เดินเข้ามาคุยกับพวกเรา ” น้องๆ ตอนแรกพี่เห็นจะเข้าพักที่บังกะโลหลังใหญ่หรอ ตอนนี้แขกที่พักบังกะโลหลังใหญ่ เค้าแคนเซิ่ลไป 1 คืน บังกะโลหลังใหญ่ที่ติดแม่น้ำเลยว่างพอดี พี่จะให้พวกเราเข้าพักแทนได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่คืนที่ 2 ต้องย้ายกลับไปนอนบังกะโลหลังเล็กเหมือนเดิมตามที่ซื้อแพ็กเกจไว้ พวกน้องโอเคไหม ” พวกเรารีบตอบตกลงทันที เพราะบังกะโลหลังใหญ่ มี 2 ห้องนอนในพื้นที่เดียวกัน และระเบียงหน้าห้องกว้างและยาวมากๆ เรียกได้ว่านั่งล้อมวงกัน 10 คน ยังหลวมๆ สบายๆ แถมมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านหน้าบังกะโลอีกด้วย

หลังจากนั้น พวกเราทั้งหมดก็เอากระเป๋าข้าวของไปเก็บไว้ในห้อง แล้วออกไปตระเวณเที่ยวกันจนเริ่มค่ำ จึงกลับเข้ามาที่พัก พร้อมกับ ขนม นมเนย เต็มไม้เต็มมือไปหมด หลังจากที่แยกย้ายกันอาบน้ำแล้ว พวกเราก็ออกมานั่งกินลม กินขนม คุยกันไปเรื่อยอยู่ที่ระเบียง โดยผมและแฟนของเพื่อน จะนั่งหันหน้าเข้าไปทางห้องพัก ส่วนแฟนผมกะเพื่อนผม นั่งหันหน้าออกไปทางลำธาร ระหว่างที่นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ผมและแฟนเพื่อน ก็เห็นอะไรบางอย่างผ่านหน้าต่างห้องนอนไป มันเป็นอะไรสีขาวๆ ลอยอยู่ในห้อง ลักษณะเหมือนผู้หญิงใส่ชุดขาวบางๆ ลอยผ่านไปแวบนึง ผมกะแฟนเพื่อนหยุดกินขนม แล้วหันมามองหน้ากันทันที เป็นสัญญาณว่าแกเห็นอย่างที่ฉันเห็นใช่มั้ย แฟนเพื่อนก็เหมือนจะเข้าใจว่าผมสื่ออะไร เพราะเธอพยักหน้าให้ ส่วนแฟนผมกับเพื่อนที่นั่งหันหน้าออกไปทางลำธาร ก็งงๆ กับท่าทีของเรา ซึ่งผมก็บอกไปว่าเห็นอะไร แล้วแฟนเพื่อนก็ยืนยันว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นเหมือนกัน เพื่อนผม มันเป็นคนไม่กลัวผี มันเลยพูดขึ้นว่า ” มึงอะ คิดมาก หลอนไปเอง ” แล้วก็หันไปบอกแฟนมันว่า ” เธอก็โรคจิตตามไปมันด้วยเนอะ ” แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 3 นาที สลับกันครับ เพื่อนผมกับแฟนผม เห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวๆ ลอยผ่านด้านหลังผมและแฟนเพื่อนผมไป (ตรงนี้มันเล่าให้ผมฟังหลังจากที่ออกมาจากบังกะโลนี้แล้ว)

อีกพักเดียวมันก็พูดขึ้นว่า ” เออๆ นี่ก็ดึกแล้ว เข้านอนกันเหอะ ” พวกเราก็เลยแยกย้ายกันเข้าห้อง โดยที่เราแยกกันนอนแบบ ชายๆ หญิงๆ คนละห้อง หลังจากที่เข้าห้องมา ผมกะเพื่อนก็เดินเข้าห้องน้ำ โดยที่ผมกับมันกำลังรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อที่จะหาแปรงสีฟันมาแปรงกัน แต่อยู่ๆ ชักโครกในห้องน้ำมันก็ดังขึ้นมา เหมือนกับมีคนกด ผมกะเพื่อนมองหน้ากัน คว้ากระเป๋าวิ่งออกมาทั้งคู่ (ขนาดมันเป็นคนไม่กลัวนะ ผมนี่ฉี่จะราด) ด้วยความแมนของทั้งคู่ ก็ไปเคาะห้องสาวๆ ที่อยู่ข้างๆ ครับ คือเข้าไปขอนอนรวมด้วย โดยให้สาวๆ นอนกันบนเตียงไป เพื่อนผม นอนตรงซอกระหว่างเตียงตรงประตูหน้าห้อง ส่วนผมนอนซอกเตียงอีกฝั่งหลังชนผนังห้องน้ำครับ แล้วที่พักนี้มันจะมีช่องลมอยู่ด้วย แต่ช่องลมที่ว่าไม่ได้อยู่ด้านบนเหมือนอย่างที่เราเคยเห็นกัน มันเป็นช่องลมด้านล่างที่ผนัง เจาะช่องไว้ 5-6 ช่องให้ลมผ่าน โดยมีไม้ยาวๆ เลื่อนสำหรับ ปิด-เปิด ขณะที่ผมนอนๆ อยู่ ยังไม่ทันหลับ สายตาผมก็มองผ่านออกไปทางช่องลม ก็เห็นเป็นชายกระโปรงขาวๆ ลอยผ่านไปมา โดยไม่เห็นขาของเจ้าของชุด ตอนนั้นผมสวดมนต์ไปน้ำตาไหลไป เพราะผมไม่รู้ว่าอีก 3 คนหลับไปรึยัง ผมได้แต่นอนคลุมโปงจนหลับ

เช้ารุ่งขึ้น พวกเราก็ออกมานั่งกินอาหารเช้ากัน โดยเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ แต่จู่ๆ เจ้าของรีสอร์ทแกก็เดินมาทักพวกเราก่อน แกยิงคำถามเด็ดใส่พวกเราว่า ” หลับสบายมั้ย? ” พวกเราไม่มีใครตอบอะไร ได้แต่ยิ้มๆ แล้วแกก็บอกว่า ถ้าวันนี้จะออกไปเที่ยวกัน รบกวนเอากระเป๋าออกจากบังกะโลมาไว้ที่ฟร้อนท์ให้ด้วย เพราะเดี๋ยวแขกที่จองบังกะโลไว้จะเข้าพัก ผมเลยหันไปถามเพื่อนว่าจะเอายังไงดี เพื่อนมันก็บอกว่า เฮ้ย คืนนี้ย้ายมานอนบังกะโลหลังเล็ก คงไม่น่าจะมีอะไรแล้วมั้ง อีกอย่างจะไปหาที่พักใหม่ตอนนี้คงไม่มีหรอก พวกเราก็ต้องเลยตามน้ำไป หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็เข้าไปเที่ยวในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน จนกลับเข้ามาที่ปายอีกครั้งก็ค่ำแล้ว ส่วนกระเป๋าและข้าวของพวกเรา ทางรีสอร์ทก็ยกไปไว้ในห้องพักให้เรียบร้อย แต่ห้องพักคืนนี้ ทางเจ้าของอภินันทนาการให้อีกแล้วครับ พวกเราได้นอนบังกะโลขนาดกลาง ซึ่งจะเห็นห้องที่หันหน้าชนกัน มีระเบียงเชื่อมตรงกลาง แต่ไม่มีระเบียงนั่งชมวิวเหมือนบังกะโลหลังใหญ่นั่น

แต่บังกะโลนี้พิเศษตรงห้องส้วมนั้นอยู่บนห้องตามปกติ แต่ที่อาบน้ำต้องเปิดประตูหลังห้องออกไป ลงบันไดไป 3-4 ขั้น จะเจอพื้นปูนโล่งๆ กั้นด้วยกระจก คืออาบน้ำกลางแจ้งนั้นแหละครับ หลังจากแยกย้ายชายญิงแล้ว ผมกะเพื่อนก็เอากระเป๋าเข้าห้อง รื้อเสื้อผ้าที่ต้องการเปลี่ยน แต่ระหว่างที่พวกเราคุยกันอยู่ มันมาอีกแล้วครับ เสียงฝักบัวด้านนอกดังเหมือนมีคนอาบน้ำอยู่ ทั้งๆ ที่พวกเรายังอยู่กันในห้อง เพื่อนผมรีบวิ่งไปเปิดประตูด้านหลัง เสียงอาบน้ำหยุดกึกทันที มันเดินลงไปเดินดูที่อาบน้ำ พื้นกลับแห้งสนิท เท่านั้นแหละครับ หอบกระเป๋าทั้งๆ ที่นุ่งขาวม้ากัน ไปเคาะห้องสาวๆ ขอนอนด้วย และก็เหมือนเดิม มุมเดิมเป๊ะ แต่เรื่องมันไม่ได้จบแค่นี้สิครับ ระหว่างที่หลับๆ อยู่ ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยอาการปวดฉี่ เอามือถือกดดูเวลา ตอนนั้นก็ตี 3 ครึ่ง เข้าไปแล้ว กำลังจะชันตัวลุกขึ้น พลันเสียงชักโครกจากด้านหลังที่ผมนอนเอาหลังพิงอยู่ก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นมาเช็คบนเตียงก็เห็น 2 สาวยังนอนอยู่ ก้มมองลอดไปใต้เตียง ก็เห็นเพื่อนนอนกรนสนั่นอยู่ แล้วใครล่ะที่เข้าห้องส้วม?? เท่านั้นแหละ ผมคลุมโปงนอนต่อ ปากก็สวดมนต์ไปเรื่อย แต่ไม่รู้อะไรเป็นอะไร สวดมั่วไปหมด ไม่จบสักบท และที่พีคที่สุดคือ ผมได้ยินเสียงผู้หญิงก้องอยู่ในหูตัวเอง

” อย่าเลย ไม่ได้ผลหรอก ฮิๆๆ ” เท่านั้นแหละครับ แต๋วแตก กรี๊ดลั่นเลย ทุกคนตื่นกันหมด ถามผมว่าเป็นอะไร ผมเล่าทุกอย่างให้ฟัง เท่านั้นแหละ ทั้งหมดลุกมานั่งเกาะกลุ่มกันอยู่บนเตียงกันยันเช้าเลยครับ หลังจากมื้อเช้าทางรีสอร์ทจบ พวกเราก็เช็คเอาท์ออกมาจากรีสอร์ทนั้นทันที และตอนที่พวกเราขับรถออกมา ก็คุยกันมาตลอดทางว่าไอ้คืนแรกที่เจ้าของรีสอร์ทบอกกับเราว่าแขกยกเลิกเข้าพักนั้น เป็นเพราะว่าพวกเค้านอนกันไปแล้วคืนนึง แล้วเจอแบบที่เราเจอรึป่าว เลยขอยกเลิกคืนที่ 2 ส่วนไอ้คืนที่ 2 บังกะโลขนาดกลางนั้น พวกผมก็มาถามสาวๆ ว่าเค้ารู้สึกอะไรกันไหม พวกสาวๆ บอกแค่ว่ารู้สึกเหมือนบังกะโลหลังกลางนี้จะไม่ค่อยได้เปิดให้แขกพักมานานหรือเปล่า เพราะฝุ่นในห้องเยอะ พวกผมก็ เออเนอะ ไอ้เราผู้ชายก็ไม่ได้สังเกตุอะไรมาก ส่วนตัวผมคิดว่า ทางเจ้าของรีสอร์ทเค้าคงเห็นว่าคืนแรกพวกเรานอนได้มั้ง เพราะตอนเช้าเค้ามาถามพวกเราว่าหลับสบายมั้ย แต่พวกเรายิ้มตอบ เค้าคงเห็นว่าเรานอนได้ คืนที่ 2 เลยจัดห้องนี้ให้อีกคืน บรื๊ออออออ เข็ดไปอีกนานเลยครับ สำหรับการจองที่พักในงานไทยเที่ยวไทย (อาจเป็นเฉพาะผมที่ซวยก็ได้มั้ง) หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้เหยียบย่างไปที่อำเภอปายอีกเลย

ขอขอบคุณ : sayongshock

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here